บทความดังกล่าว เป็นของ พ.อ.บุญรอด ศรีสมบัติ นายทหารปฏิบัติการ ประจำกรมยุทธศึกษาทหารบก ซึ่งได้มีการปรับปรุงเนื้อหาจาก "บทเรียนยุทธการกระชับวงล้อม 7 พื้นที่ราชประสงค์ 14-19 พฤษภาคม 2553"
ที่ตีพิมพ์ในวารสารเสนาธิปัตย์ ฉบับกันยายน-ธันวาคม 2553
ภายหลังจากได้ข้อมูลใหม่และศึกษารายละเอียดเอกสารต่างๆ
อย่างเป็นทางการรอบด้านมากขึ้น โดยใช้ชื่อบทความชิ้นนี้ว่า
"บทเรียนการปฏิบัติการข่าวสาร : 9 กรณี ป.ป.ส. (มีนาคม-พฤษภาคม 2553)" ลงตีพิมพ์ในวารสารเสนาธิปัตย์ ฉบับมกราคม-มีนาคม 2554
การ
ชุมนุมทางการเมืองของกลุ่ม นปช.แดงทั้งแผ่นดิน ตั้งแต่ 12 มีนาคมถึง 19
พฤษภาคม 2553 ได้เพิ่มความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
จนกระทั่งเกือบจะเป็น"สงครามกลางเมือง" โดยที่กลุ่ม
นปช.หรือกลุ่มคนเสื้อแดงมีการระดมมวลชนจำนวนมหาศาลอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนใน
ประวัติการต่อสู้ทางการเมืองของไทย โดยกระทำผ่านสื่อสารมวลชนทุกประเภท
ได้แก่ วิทยุชุมชน โทรทัศน์ การสื่อสารผ่านดาวเทียม
การสื่อสารทางอินเตอร์เน็ต และเวทีปราศรัยถาวร
ทั้งพื้นที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศและสี่แยกราชประสงค์
ได้เกิดเป็นกระแสมวลชนคนเสื้อแดงที่พร้อมจะทำอะไรก็ได้
แม้กระทั่งการยึดเมืองเพื่อทำลายศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศ
ในการต่อรองทางการเมืองกับรัฐบาล
สุดท้ายได้มีกลุ่มมวลชนจัดตั้งหัวรุนแรงสร้างสถานการณ์ด้วยการก่อเหตุจลาจล
"เผาบ้านเผาเมือง" ในต่างจังหวัดก็มีการเผาศาลากลางจังหวัด โดยมิได้มีการเกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง
รัฐบาล
โดยศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.)
ได้ดำเนินการเพื่อควบคุมการชุมนุมให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย
แต่ก็ต้องพบกับความล้มเหลวมาหลายครั้งเพราะการบังคับใช้กฎหมายไร้
ประสิทธิภาพ เช่น กรณี 10 เมษายน 2553 ในขณะเดียวกัน
ศอฉ.ซึ่งมีส่วนกำลังจัดตั้งหลักเป็นส่วน "กองทัพบก"
ก็ได้ประยุกต์การปฏิบัติการทางทหารรูปแบบหนึ่งที่เรียกว่า
"การปฏิบัติการข่าวสาร" (Information Operations: IO)
หรือที่เรียกกันติดปากว่า "ไอโอ"
งานไอโอทางทหาร หมายถึง
การดำเนินการที่มุ่งโจมตีต่อระบบควบคุมบังคับบัญชา
และสร้างอิทธิพลต่อกระบวนการตัดสินใจ ข่าวสาร
และระบบสารสนเทศของฝ่ายตรงข้าม
โดยที่จะดำเนินการป้องกันการที่ฝ่ายตรงข้ามจะกระทำไอโอต่อฝ่ายเราเช่นกัน
ซึ่งในระหว่างการชุมนุมทางการเมือง ศอฉ.ได้ปฏิบัติการไอโอเต็มรูปแบบ
และที่โดดเด่นที่สุดก็คือ โฆษก ศอฉ. คือ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด
(เสธ.ไก่อู)
ที่ได้รับการชื่นชมในความรู้และความสามารถที่เป็นลักษณะเฉพาะตัวที่สามารถทำ
หน้าที่เป็นโฆษกได้ตลอดรอดฝั่ง ทั้งๆ
ที่สถานการณ์หลายครั้งอยู่ในสภาพสิ้นหวังหมดกำลังใจ
และก็สามารถก้าวพ้นวิกฤตของประเทศได้มาเปลาะหนึ่ง
แต่อย่างไรก็ตามการปฏิบัติการข่าวสารอย่างประยุกต์ในครั้งนี้ของ
ศอฉ.ควรได้มีการจัดทำเป็นเอกสารอย่างประยุกต์ในครั้งนี้ของ ศอฉ.
ควรได้มีการจัดทำเป็นเอกสารไว้เป็นบทเรียน
เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติในโอกาสข้างหน้าต่อไป
เรื่องราวในบทนี้
จะได้นำเสนอความหมายและองค์ประกอบของการปฏิบัติการข่าวสาร
ความสำเร็จทางยุทธศาสตร์ ยุทธการ และยุทธวิธีของการปฏิบัติการข่าวสาร
ทั้งนี้ภายใต้ความสำเร็จเหล่านั้นยังมีจุดบกพร่อง จุดแก้ไขหรือข้อสังเกต
ซึ่งจะได้มีการกล่าวถึงในประเด็นข้อเสนอแนะทั้งทางยุทธศาสตร์ ยุทธการ
และยุทธวิธีต่อไป
องค์ประกอบของการปฏิบัติการข่าวสาร ประกอบด้วย 5 องค์ประกอบหลัก 5 องค์ประกอบสนับสนุน และ 2 กิจกรรมเสริม ดังนี้
-
องค์ประกอบหลัก ได้แก่ การรักษาความปลอดภัยในการปฏิบัติการ การลวงทางทหาร
การปฏิบัติการจิตวิทยา การสงครามอิเล็กทรอนิกส์
และการปฏิบัติการเครือข่ายคอมพิวเตอร์
- องค์ประกอบสนับสนุน ได้แก่
การทำลายทางกายภาพ การต่อต้านข่าวกรอง การต่อต้านการลวง
การต่อต้านการโฆษณาชวนเชื่อ และการรักษาความปลอดภัย กิจกรรมเสริม ได้แก่
การประชาสัมพันธ์ การปฏิบัติการกิจการพลเรือน
จากองค์ประกอบของ
"ไอโอ" จะเห็นได้ว่า
ทั้งความหมายและองค์ประกอบของการปฏิบัติการข่าวสารนี้เป็นเรื่องการปฏิบัติ
ทางทหารล้วนๆ
ดังนั้นเมื่อต้องนำกระบวนการวิธีคิดและการปฏิบัติการข่าวสารมาใช้ในการ
ป้องกันและปราบปรามการก่อความไม่สงบในเมือง
จึงได้มีการปรับเปลี่ยนแนวทางปฏิบัติไปทั้งยุทธศาสตร์ ยุทธการ
และยุทธวิธีให้สอดคล้องกับจุดอ่อนไหวเชิงสังคมจิตวิทยาเพราะฝ่ายตรงข้ามนั่น
ไม่ใช่ใครอื่น พวกเขาก็คือคนไทยด้วยกัน
ยุทธศาสตร์หลักของการปฏิบัติการข่าวสาร
การ
ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การปฏิบัติการข่าวสารสามารถดำเนินการได้อย่างถูกต้อง
เหมาะสม และสอดคล้องกับสถานการณ์
ซึ่งสามารถแบ่งยุทธศาสตร์การปฏิบัติการครั้งนี้ได้ 5
ยุทธศาสตร์หลักตามห้วงระยะเวลาดังนี้
-
ยุทธศาสตร์ป้องปรามการก่อความไม่สงบ เป็นช่วงเวลาตั้งแต่ 11 มีนาคม
พ.ศ.2553
ซึ่งเป็นการประกาศแถลงการณ์ฉบับแรกของศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย
หรือ ศอ.รส. มีเป้าหมายงานไอโอเพื่อการชี้แจงสกัดกั้น ยับยั้งมิให้กลุ่ม
นปช.ต่างจังหวัดมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ ด้วยจำนวนมหาศาล
มากกว่าทุกครั้งที่มีการชุมนุมทางการเมือง
ขั้นนี้แม้ว่าดูจะล้มเหลวในการปฏิบัติ
เพราะกลุ่มคนเสื้อแดงสามารถผ่านด่านจุดตรวจของทหารและตำรวจได้อย่างง่ายดาย
แต่ก็เป็นการชิมลางว่า การชี้แจงแถลงการณ์ตาม
พ.ร.บ.ความมั่นคงนั้นไม่สามารถหยุดยั้งเป้าหมายการเคลื่อนพลของมวลชนสีแดง
ได้
- ยุทธศาสตร์การตอบโต้การก่อการร้ายและเปิดเผยเครือข่ายล้มเจ้า
เป็นช่วงหลังเหตุการณ์ 10 เมษายน
ภายหลังสำนักข่าวอัลจาซีร่าห์ลงคลิปการปรากฏตัวของกลุ่มคนชุดดำได้ปฏิบัติ
การก่อการร้ายเป็นครั้งแรก
เป้าหมายของงานไอโอก็ได้เปลี่ยนไปเป็นการล็อกเป้าผู้ก่อการร้ายทันที
นั่นถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ (Turning Point)
ของงานไอโอที่นำไปสู่ความสำเร็จในการเอาชนะกลุ่ม นปช.ได้
โดยเพิ่มความน่าสะพรึงกลัวขึ้นไปอีก
จากการที่มีการเชื่อมโยงของกลุ่มก่อการร้ายกับกลุ่มเครือข่ายล้มเจ้า
-
ยุทธศาสตร์การกระชับวงล้อม เป็นช่วง 14-19 พฤษภาคม พ.ศ.2553
งานไอโอช่วงนี้ถือว่าเป็นการดำเนินการทั้งเชิงรับและเชิงรุกอย่างเต็มรูปแบบ
ทางทหารเลยทีเดียว โดยมีการตอบโต้ด้วยภาพคลิปหรือเรียกว่าทำ
"สงครามคลิปรายวัน" เลยก็ว่าได้ เป้าหมายสำคัญคือ
ให้ภาพการปฏิบัติทางทหารที่จะเกิดขึ้นไม่ใช่ภาพของการสลายการชุมนุมด้วย
กำลังทหาร และต้องแสดงให้เห็นว่าทหารมิได้ฆ่าประชาชน
จากนั้นมีการบีบบังคับให้แกนนำกลุ่ม นปช.ยอมสลายการชุมนุม
ด้วยการกำหนดห้วงเวลาที่ปฏิบัติการขั้นเด็ดขาดเป็นระยะๆ
-
ยุทธศาสตร์การตอบโต้การก่อจลาจล เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ
ซึ่งเป็นสุญญากาศของการนำมวลชนคนเสื้อแดงเนื่องจากแกนนำได้ยอมมอบตัว
ก่อให้เกิดเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองโดยไม่คาดคิด ช่วงนี้
งานไอโอถือเป็นไฮไลต์เลยทีเดียว
มีการนำภาพคลิปวิดีโอตัดต่อการปราศรัยตามสถานที่ต่างๆ ของแกนนำกลุ่ม
นปช.ที่มีการปลุกเร้า ยุยง
ให้มวลชนคนเสื้อแดงเตรียมอุปกรณ์เผาบ้านเผาเมืองซึ่งมีการเตรียมการและ
ไตร่ตรองไว้ก่อนล่วงหน้าแล้วมีการกระทำการเป็นขบวนการ
และมีการสนับสนุนจากกลุ่มผู้ก่อการร้ายอีกด้วย
-
ยุทธศาสตร์ปิดแผนยุทธการกระชับวงล้อมและรายงานผลการปฏิบัติ
ช่วงนี้ถือว่าเป็นการเสี่ยงที่ได้ใคร่ครวญแล้ว
เพราะต้องมีการจัดภาพความสมดุลระหว่างการแถลงแผนยุทธการกระชับวงล้อมกับงาน
ไอโอไปพร้อมๆ กัน เช่นต้องชี้ให้เห็นว่ากลุ่มการ์ด
นปช.นั้นมีอาวุธสงครามร้ายแรง
และพร้อมยิงสวนกลับกองกำลังทหารและตำรวจได้ตลอดเวลา ทั้งนี้
ก็แถลงข่าวการใช้อาวุธ M-79 การก่อวินาศกรรม
การใช้เด็กเป็นโล่มนุษย์หลังปราการยางรถยนต์
การก่อการจลาจลมีการทำลายร้านสะดวกซื้อ ตู้ ATM ธนาคาร
และโรงไฟฟ้าย่อยคลองเตย
สิ่งเหล่านี้ถ้านำมาใช้ขยายผลเพื่องานไอโอโดยไม่มีการวิเคราะห์ให้รอบคอบ
ก็จะกลายเป็นการโฆษณาชวนเชื่อของรัฐบาลไป
ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้กระแสมวลชนพลิกกลับมาต่อต้านรัฐบาลและกองทัพเสียเอง
สงครามคลิปงานใหญ่ระดับยุทธศาสตร์
สง
ครามคลิป (Cilps) ภายใต้กรอบงานไอโอระดับยุทธศาสตร์ที่จับต้องได้ที่สุด
คือการนำเสนอภาพคลิปวิดีโอของโฆษก ศอฉ. ซึ่งต้องใช้ทักษะของการตอบโต้กลุ่ม
นปช.และต้องทำความเข้าใจกับสังคมไทยและสายตานานาชาติไปพร้อมๆ กัน
ฝ่ายรัฐบาลได้คัดสรรภาพและสรรหาคำอธิบายที่จะสามารถสร้างความชอบธรรมให้แก่
ปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม ทันเวลา
ตัวอย่างสงครามคลิปวิดีโอที่น่าสนใจได้แก่ ภาพเหตุการณ์การบุกสำนักงาน กกต.
การบุกรัฐสภา เป็นคำอธิบายว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องทวงคืนคำว่า "นิติรัฐ"
จากกลุ่มมวลชนคนเสื้อแดง ทำให้รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.บ.ฉุกเฉิน
ภาพเหตุการณ์วันที่ 10 เมษายน
ทั้งภาพที่ทหารถูกโจมตีอาวุธสงครามจากผู้ก่อการร้ายไอ้โม่งชุดดำ
และภาพความสูญเสียของทหารอย่างหนัก การไล่ตีทหารที่บาดเจ็บจนเสียชีวิต
การที่คนเสื้อแดงถูกลอบยิงจากข้างหลัง ภาพการใช้ M-79 หลังรถตู้สีขาว
การพูดของคนเสื้อแดงที่มองเห็นคนใส่เสื้อสีฟ้ายิงปืนหน้าโรงเรียนสตรีวิทยา
ภาพเหตุการณ์วันที่ 28 เมษายน ที่ทหารถูกยิงด้วยสไนเปอร์จนเสียชีวิต
และภาพคนเสื้อแดงถืออาวุธปืนพกสั้นบนเกาะกลางถนนวิภาวดี
ตรงบริเวณอนุสรณ์สถาน
ภาพการบุกยึดโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ที่เป็นภาพคลิปอีกชุดหนึ่งที่รัฐบาลยิ่งมี
ความชอบธรรมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ในการที่จะใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดเพื่อจัดการกับกลุ่มก่อการร้ายที่แฝงตัว
อยู่ในมวลชนคนเสื้อแดง ซึ่งส่วนใหญ่ก็ทำหน้าที่เป็นการ์ด นปช.
ต่อมา
โฆษก
ศอฉ.ได้ทำหน้าที่เผยแพร่และตอบโต้ภาพคลิปอีกหลายภาพที่เชื่อได้ว่าสังคมไทย
ในยามวิกฤตขณะวิกฤตนั้น ส่วนใหญ่จะเชื่อว่าเป็นความจริง เช่น
กรณีภาพการพยายามจุดไฟเผารถน้ำมัน แต่ถูกยิงสกัดที่ขา
ภาพคนเสื้อดำเผายางรถยนต์ที่บริเวณพื้นที่บ่อนไก่คลองเตยและสี่แยกดินแดง
โดยบุคคลกลุ่มนั้นมีการแต่งกายเลียนแบบทหาร ใส่เสื้อสกรีน "ARMP"
มีการติดต่อสื่อสารด้วยวิทยุมือถือ
ภาพการขนยางรถยนต์มาวางเป็นระบบและมีเครือข่ายการส่งต่ออย่างเห็นได้ชัด
ภาพการยิงกระสุน M-79 จากใต้สะพานข้ามแห่งหนึ่ง
ภาพการลอบยิงทหารของคนเสื้อสีดำแล้วยิงปืนเข้าใส่ฝูงชน
ภาพการวางถังแก๊สผูกต่อสายชนวนเพื่อการจุดระเบิดอย่างมืออาชีพ
ภาพทหารถูกยิงตายบนเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์
(ตัดต่อจากเหตุการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้)
ภาพประชาชนถูกยิงตายนอนอยู่บนถนนในซอยรางน้ำ
และภาพสุดท้ายเป็นการแถลงข่าวการยึดอาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนมากจากพื้นที่การ
ชุมนุมราชประสงค์ถือว่าเป็นการปิดฉากสำคัญในการแสดงผลของการปฏิบัติทั้งมวล
ทั้งนี้ ภาพคลิปต่างๆ
ที่นำเสนอได้ผ่านการกลั่นกรองจากคณะทำงานไอโอวงเล็กและวงใหญ่ของ ศอฉ.แล้ว
และเมื่อมีการชี้แจงตามลักษณะเฉพาะตัวของโฆษก ศอฉ.มืออาชีพ
ภาพทุกภาพจึงเป็นความคืบหน้าของสถานการณ์และความคืบหน้าของความชอบธรรมของ
รัฐบาลในการที่จะปฏิบัติการเพื่อควบคุมสถานการณ์การก่อความไม่สงบ
กลุ่มงานความสำเร็จทางยุทธศาสตร์ "ปรากฏการณ์คนหลากสี-จอมืด PTV และการรักษาความปลอดภัยในการปฏิบัติการ"
การ
ปฏิบัติการเครือข่ายคอมพิวเตอร์จากกลุ่มคนเสื้อหลากสี
นับได้ว่าเป็นความสำเร็จทางยุทธศาสตร์ของชาติ
เป็นการปฏิบัติการรวมตัวของสังคมเครือข่ายอินเตอร์เน็ตที่เกิดขึ้นเองตาม
ธรรมชาติ โดยที่รัฐมิได้เข้าไปจัดตั้ง
แต่ได้กลายเป็นพลังใหม่ทางสังคมที่สามารถย้ายพลังการต่อสู้จากโลกเสมือนจริง
มาสู่ท้องถนนได้ ในภาพของการเคลื่อนไหวคัดค้านการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง
และที่สำคัญกระบวนการสื่อสารออนไลน์นั้นเข้าได้กับองค์ประกอบของงานไอโอใน
เรื่องการปฏิบัติการบนเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ไม่ว่าจะเป็นวิธีการสื่อสารผ่านเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์
เว็บบอร์ดสาธารณะของพันทิปดอทคอม และการใช้ฟอร์เวิร์ดเมล์
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นพลังทางสังคมที่เข้ามาเสริมงานไอโอให้มีประสิทธิภาพมาก
ยิ่งขึ้น
และเป็นสิ่งที่กองทัพจะได้ศึกษาและนำจุดเด่นมาพัฒนาเป็นแนวทางการทำงานไอโอ
ออนไลน์ในอนาคต
การประกาศปิดสถานีโทรทัศน์พีเพิลแชนแนล (People
Channel: PTV) และการปิดเว็บไซต์
ต้องยอมรับว่าอาวุธปลุกระดมมวลชนสำคัญของกลุ่มคนเสื้อแดง
ก็คือการสื่อสารผ่านสถานีโทรทัศน์พีเพิลแชนแนล เป็นทีวีของคนเสื้อแดง
ที่มีการถ่ายทอดการเคลื่อนไหวการชุมนุมอย่างต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง
เป็นช่องทางสื่อสารหลักระหว่างกลุ่มแกนนำ นปช.และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
กับมวลชนคนเสื้อแดงทั้งแผ่นดิน
เป็นตัวเชื้อไฟความขัดแย้งการเมืองที่ถูกจุดติดไฟตลอดเวลา
เมื่อศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.)
ประกาศปิดช่องสัญญาณสถานีโทรทัศน์พีเพิลแชนแนลเป็นจอมืด
ก็เท่ากับเป็นการปิดตาคนเสื้อแดง นั่นคือการทำลายทางกายภาพของงานไอโอ
เป็นการลดกลไกขับเคลื่อนงานไอโอของคนเสื้อแดงได้
จึงเหลือเพียงช่องโทรทัศน์ของฝ่ายรัฐบาลเท่านั้น
ส่วนการปิดเว็บไซต์นั้นกระทรวงยุติธรรมได้สั่งให้ปิดเว็บไซต์หมิ่นสถาบันพระ
มหากษัตริย์สูงถึง 40,000 เว็บไซต์
การรักษาความปลอดภัยในการปฏิบัติ
การ (Operation Security: OPSEC)
เนื่องจากสถานการณ์การก่อความไม่สงบในเมืองครั้งนี้
เป็นการดำเนินการภายใต้รวมศูนย์องค์กรเฉพาะกิจของรัฐบาลและกองทัพ
ดังนั้นการรักษาความปลอดภัยในการปฏิบัติการ หรือ OPSEC
จึงมิได้มองเฉพาะกองทัพและการปฏิบัติการทางทหารเท่านั้น การทำงาน OPSEC
ภายใต้กรอบฐานของไอโอนั้นต้องกระทำตั้งแต่ในระดับการรักษาความปลอดภัยสูงสุด
ต่อนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง รัฐมนตรีกลาโหม
ผู้บัญชาการเหล่าทัพ รวมทั้งที่ตั้ง ศอฉ. ในพื้นที่ ร.11 รอ.
และสถานีดาวเทียมภาคพื้นดิน สถานที่ตั้งโทรทัศน์เอ็นบีที
ยังรวมไปถึงการวางแผนสำรองที่ตั้งใหม่ของ
ศอฉ.หรือที่ทำการเฉพาะกิจของรัฐบาลในกรณีที่ต้องมีการตัดสินใจผ่านคณะ
รัฐมนตรี และสถานีโทรทัศน์ถ่ายทอดเคลื่อนที่ต้องมีการสำรองไว้ให้พอเพียง
ซึ่งจะทำให้งานไอโอสามารถเดินหน้าต่อไปได้โดยไม่มีจุดสะดุด
เพราะถ้าวันใดที่สถานีโทรทัศน์รัฐบาลจอมืด (จอดำ) ขึ้นมา
ประชาชนและหน่วยปฏิบัติจะเกิดการสับสน ลังเล เวลานั้นยุทธการปล่อยข่าวลือ
ซึ่งเป็นองค์ประกอบหนึ่งของงานไอโอจะเริ่มทำงาน
อาจจะทำให้รัฐบาลเพลี่ยงพล้ำล้มครืนทั้งคณะได้ ดังนั้น การทำงาน OPSEC
จะต้องทำงานควบคู่ไปงานไอโออย่างมีแบบแผนและเป็นรูปธรรม
การ
ดำเนินงานไอโอเป็นไปอย่างมีขั้นตอนและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่ทุกๆ
ความคืบหน้าของสถานการณ์ โดยยึดถือ 5 ยุทธศาสตร์รอง เป็นแนวทาง ดังนี้
-
ยุทธศาสตร์ป้องปรามการก่อความไม่สงบ
ช่วงนี้งานไอโอระดับยุทธการเป็นเพียงงานการชี้แจงทำความเข้าใจจัดชุดปฏิบัติ
การจิตวิทยาชี้แจงตามด่านตรวจและพื้นที่วิกฤต เช่น
การใช้เครื่องเสียงกำลังส่งสูง บริเวณพื้นที่หน้า ร.11 รอ.ในวันแรกๆ
ของการชุมนุมคนเสื้อแดง จนกลุ่มผู้ชุมนุมต้องล่าถอยกลับไป
-
ยุทธศาสตร์การตอบโต้การก่อการร้ายและเปิดเผยเครือข่ายล้มเจ้า
งานไอโอในระดับยุทธการนี้ต้องวางแผนและปฏิบัติการไอโอ
โดยมีเป้าหมายเพื่อชี้ให้เห็นว่ามีกลุ่มผู้ก่อการร้ายแอบแฝงอยู่ในกลุ่มผู้
ชุมนุม และพร้อมที่จะลอบสังหารผู้ร่วมชุมนุมและเจ้าหน้าที่
จึงเป็นงานที่ต้องสืบค้นหลักฐานภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวของกลุ่มคนชุดดำมาแฉ
ให้สังคมรับทราบอย่างเข้มข้นและรวดเร็วในทันทีที่มีข่าว
ส่วนกรณีของการเปิดเผยเครือข่ายคดีล้มเจ้านั้นภายหลังที่โครงสร้างในรูปแบบ
ของ Mind mapping ได้ถูกแพร่ภาพเครือข่ายออกไป
งานไอโอในระดับยุทธการก็ต้องสืบสวนความเชื่อมโยงในหลักฐานพยานด้านอื่นๆ
แล้วนำมาเปิดเผยยืนยันเน้นย้ำการรับรู้ของสังคมว่า
สิ่งนี้มีข้อเท็จจริงและตัวตนจริง
- ยุทธศาสตร์การกระชับวงล้อม
งานไอโอระดับยุทธการช่วงนี้เป็นงานที่เข้มข้นที่สุด
เพราะต้องเตรียมการและจัดทำคลิปวิดีโอตอบโต้ภาพเหตุการณ์ที่กลุ่ม
นปช.และสื่อมวลชนนำมาเสนอที่เป็นภาพเชิงลบต่อรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ทหารและ
ตำรวจที่กำลังปฏิบัติหน้าที่กระชับวงล้อมอยู่ในหลักการก็ยังต้องเน้นย้ำว่า
ทหารไม่ได้สังหารหรือทำร้ายประชาชน
เจ้าหน้าที่เองกลับถูกกระทำอย่างการลอบกัด และไม่รับผิดชอบของแกนนำกลุ่ม
นปช.
งานไอโอต้องชี้ให้เห็นว่าถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลหรือกองทัพจะต้องดำเนินการ
อย่างใดอย่างหนึ่งและประกาศให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องออกนอกพื้นที่การชุมนุม
ที่เป็นพื้นที่อันตรายเพราะมีผู้ก่อการร้ายแอบแฝงอยู่ นอกจากนี้
การชี้แจงของกลุ่มผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพในการวางแผนยุทธการที่มี
การออกมาชี้แจงการปฏิบัติเป็นระยะๆ
นั้นก็แสดงให้เห็นภาพของงานไอโอที่มีเอกภาพและไปในทิศทางเดียวกัน
-
ยุทธศาสตร์การตอบโต้การจลาจล
งานไอโอระดับยุทธการช่วงนี้ต้องขยายผลเหตุการณ์การก่อการจลาจลเผาบ้านเผา
เมือง โดยนำภาพคลิปการปราศรัยตามที่ต่างๆ ของแกนนำกลุ่ม นปช.มาตัดต่อใหม่
เรียงภาพ เล่าเหตุการณ์ให้เห็นว่ามีการชี้นำให้ "เผาบ้านเผาเมือง"
อย่างมีระบบและมีการเตรียมการไว้ล่วงหน้า
หลักฐานเหล่านี้จะเป็นพยานสำคัญในชั้นศาลอีกต่อไป
-
ยุทธศาสตร์ปิดแผนยุทธการกระชับวงล้อมและรายงานผลการปฏิบัติ
งานไอโอระดับยุทธการช่วงนี้
ได้มีการแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ยึดได้อย่างมากมายในการปฏิบัติการกระชับวง
ล้อมพื้นที่ราชประสงค์นั้น พร้อมติดป้ายหน่วยที่ตรวจพบ
ทำให้ภาพการมีตัวตนของกลุ่มผู้ก่อการร้ายนั้นเด่นชัดขึ้น มีการใช้อาวุธจริง
สามารถตอบสังคมได้ระดับหนึ่ง
เป็นการฟ้องด้วยภาพที่ได้สาระมากกว่าการแถลงตอบโต้ไปมาของทีมโฆษกของสองฝ่าย
และมีหลายจุดที่ทำได้ดี เช่น
การแถลงข่าวของนายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่
ร่วมในการวางแผน
นับว่าเป็นงานไอโอชิ้นหนึ่งที่ได้สร้างความมั่นใจว่าการวางแผนระดับยุทธการ
นั้นมีความละเอียดรอบคอบและไม่มีขั้นตอนของการระบุให้มีการสังหารประชาชน
รวมทั้งมีการรายงานผลการปฏิบัติให้สังคมได้รับทราบว่า
ศอฉ.ได้กระทำหรือไม่กระทำสิ่งใดลงไป ซึ่งหลังจากนี้สังคมเท่านั้นจะเป็น
ผู้ให้คำตอบว่าเป็นการกระทำครั้งนี้ถูกต้องหรือไม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น