คอลัมน์ สถานีคิดเลขที่ 12
(มติชนรายวัน 11 สิงหาคม 2556)
ก็ปลอบโยน-ให้กำลังใจกันไป
กองทัพประชาชนเพื่อโค่นล้มระบอบทักษิณ รวมทั้งพ่อยกแม่ยกพากันดีใจออกนอกหน้า พร้อมกับความมั่นใจว่า งานนี้ "ยืดเยื้อ" แน่
เมื่อ ปรากฏคนของ "สันติอโศก" มาตั้งโรงครัวเลี้ยงม็อบ
ได้เสบียงกรังแล้ว ก็หวังว่า คงมีเรี่ยวมีแรง ขบคิดกันต่อไปว่า จะทำอย่างไร จึงจะมี "กองทัพประชาชน" จริงๆ
มิใช่แค่ระดับ "กองหลอน" อย่างที่เห็นๆ กัน
เช่นเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์
เห็น ส.ส.ในพรรคชื่นชมกันเองว่านี่ขนาดฉุกละหุก ยังสามารถระดมคนมาส่ง ส.ส.ประชาธิปัตย์เข้าสภาได้ร่วม "หมื่น"
จะหมื่นจริงหรือหมื่น "ปลอบใจ" ก็ถือว่าผ่านไปแล้ว
แต่สิ่งที่รออยู่ข้างหน้าสำคัญกว่า
นั่น ก็คือ หากมีการเป่านกหวีดยาวจริงๆ หลัง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ผ่านวาระ 3 พรรคประชาธิปัตย์จะสามารถระดม "มวลชน" ออกมาเผด็จศึกได้จริงตามที่คุยไว้หรือไม่
ลำพังจะไปพึ่งพิง "กองทัพประชาชนเพื่อโค่นล้มทักษิณ" อย่างเดียว ตอนนี้ก็ได้พิสูจน์ไปแล้วว่า "ความฝัน" กับ "ความจริง" ต่างกัน
แค่จะให้คนไปร่วมส่ง ส.ส.ประชาธิปัตย์ เข้าสภา เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม "กองทัพประชาชน" ก็ยังไม่สามารถแสดงศักยภาพให้เห็นได้
จะฝากผีฝากไข้คงลำบาก
งานนี้ประชาธิปัตย์ต้องลุยเอง
ซึ่งก็คงต้องออกแรงหนักมากๆ และที่สำคัญเท่าที่จำได้ ในการเคลื่อนไหวบนท้องถนนของประเทศไทย
ไม่เคยมีพรรคการเมืองไหนนำมวลชนประท้วงแล้วได้รับชัยชนะ
จะบอกว่าก็พรรคเพื่อไทยไง
ไม่ใช่เลย พรรคเพื่อไทยแม้จะเล่นบท 2 ขา คือ ขับเคลื่อนในสภา และเคลื่อนในท้องถนน
แต่เพื่อไทยไม่ได้นำม็อบ แกนนำ "นปช." ต่างหากที่นำและเขามีมวลชนเสื้อแดงของตัวเองอยู่แล้ว เพื่อไทยเพียงเข้าไปหนุน
ตรงกันข้ามกับประชาธิปัตย์ที่เดิมอาจจะมีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและคนเสื้อเหลืองเป็นแนวร่วม แต่ตอนนี้เขาก็วางเฉย
จะไปพึ่งกองทัพประชาชน ก็อย่างที่รู้ อย่างที่เห็น
ดังนั้น เที่ยวนี้ถ้าจะสู้บนท้องถนนจริง พรรคประชาธิปัตย์จะต้องจัดม็อบเอง
ซึ่งก็ต้องพิสูจน์สิ่งที่คุยไว้ละว่า ส.ส./ส.ก./ส.ข. ที่มีมวลชนของตัวเองหลายพันหลายหมื่น จะเอาคนออกมาได้จริงหรือไม่
และพรรคประชาธิปัตย์ต้องไม่ลืม "บทเรียนสำคัญ" ที่เพิ่งผ่านไปหมาดๆ อย่างเด็ดขาด
นั่นก็คือ พรรคเพื่อไทย แม้จะเคลื่อนในสภาและบนท้องถนน ที่พรรคประชาธิปัตย์ไปก๊อบปี้มาใช้นั้น
เอาเข้าจริงผลที่ได้คือ ความพ่ายแพ้!
ม็อบคนเสื้อแดงถูกปราบ ถูกฆ่า และต้องสลายการชุมนุมในที่สุด
รัฐบาลประชาธิปัตย์ภายใต้การสนับสนุนของกองทัพ คือ "ผู้ชนะ" ต่างหาก
แต่ได้ "ชัยชนะ" แล้ว พรรคประชาธิปัตย์ "ชนะ" ไม่สุดเอง
ไปพ่ายแพ้แก่พรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดงใน "สนามการเลือกตั้ง"
นั่น เป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่และเป็นจุดแข็งสำคัญของพรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดง ส่วนพรรคประชาธิปัตย์แก้จุดอ่อนที่ทำให้พ่ายแพ้ในสนามเลือกตั้ง แม้กระทั่งมาถึงวันนี้ก็ยังแก้ไม่ได้
จึงต้องเตือนใจตนเองเอาไว้ให้ดี
เตือนใจว่า ชัยชนะของพรรคเพื่อไทยคือ "การเลือกตั้ง" ไม่ใช่ "ม็อบบนถนน"
และที่ผ่านมา ประวัติศาสตร์การเมืองไทยยังไม่มีพรรคการเมืองไหนได้ชัยชนะจากยุทธวิธี "พรรคการเมืองนำ มวลชนตาม"
หรือประชาธิปัตย์จะแสดงให้เห็น
ก็ตามสบาย
แต่ถ้าเหนื่อยนักจะคิดถึงคำพูดติดปากของ "ป๋า" เปรม ติณสูลานนท์ บ้างก็ไม่ว่ากัน
"กลับบ้านเถอะลูก"
(มติชนรายวัน 11 สิงหาคม 2556)
ก็ปลอบโยน-ให้กำลังใจกันไป
กองทัพประชาชนเพื่อโค่นล้มระบอบทักษิณ รวมทั้งพ่อยกแม่ยกพากันดีใจออกนอกหน้า พร้อมกับความมั่นใจว่า งานนี้ "ยืดเยื้อ" แน่
เมื่อ ปรากฏคนของ "สันติอโศก" มาตั้งโรงครัวเลี้ยงม็อบ
ได้เสบียงกรังแล้ว ก็หวังว่า คงมีเรี่ยวมีแรง ขบคิดกันต่อไปว่า จะทำอย่างไร จึงจะมี "กองทัพประชาชน" จริงๆ
มิใช่แค่ระดับ "กองหลอน" อย่างที่เห็นๆ กัน
เช่นเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์
เห็น ส.ส.ในพรรคชื่นชมกันเองว่านี่ขนาดฉุกละหุก ยังสามารถระดมคนมาส่ง ส.ส.ประชาธิปัตย์เข้าสภาได้ร่วม "หมื่น"
จะหมื่นจริงหรือหมื่น "ปลอบใจ" ก็ถือว่าผ่านไปแล้ว
แต่สิ่งที่รออยู่ข้างหน้าสำคัญกว่า
นั่น ก็คือ หากมีการเป่านกหวีดยาวจริงๆ หลัง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ผ่านวาระ 3 พรรคประชาธิปัตย์จะสามารถระดม "มวลชน" ออกมาเผด็จศึกได้จริงตามที่คุยไว้หรือไม่
ลำพังจะไปพึ่งพิง "กองทัพประชาชนเพื่อโค่นล้มทักษิณ" อย่างเดียว ตอนนี้ก็ได้พิสูจน์ไปแล้วว่า "ความฝัน" กับ "ความจริง" ต่างกัน
แค่จะให้คนไปร่วมส่ง ส.ส.ประชาธิปัตย์ เข้าสภา เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม "กองทัพประชาชน" ก็ยังไม่สามารถแสดงศักยภาพให้เห็นได้
จะฝากผีฝากไข้คงลำบาก
งานนี้ประชาธิปัตย์ต้องลุยเอง
ซึ่งก็คงต้องออกแรงหนักมากๆ และที่สำคัญเท่าที่จำได้ ในการเคลื่อนไหวบนท้องถนนของประเทศไทย
ไม่เคยมีพรรคการเมืองไหนนำมวลชนประท้วงแล้วได้รับชัยชนะ
จะบอกว่าก็พรรคเพื่อไทยไง
ไม่ใช่เลย พรรคเพื่อไทยแม้จะเล่นบท 2 ขา คือ ขับเคลื่อนในสภา และเคลื่อนในท้องถนน
แต่เพื่อไทยไม่ได้นำม็อบ แกนนำ "นปช." ต่างหากที่นำและเขามีมวลชนเสื้อแดงของตัวเองอยู่แล้ว เพื่อไทยเพียงเข้าไปหนุน
ตรงกันข้ามกับประชาธิปัตย์ที่เดิมอาจจะมีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและคนเสื้อเหลืองเป็นแนวร่วม แต่ตอนนี้เขาก็วางเฉย
จะไปพึ่งกองทัพประชาชน ก็อย่างที่รู้ อย่างที่เห็น
ดังนั้น เที่ยวนี้ถ้าจะสู้บนท้องถนนจริง พรรคประชาธิปัตย์จะต้องจัดม็อบเอง
ซึ่งก็ต้องพิสูจน์สิ่งที่คุยไว้ละว่า ส.ส./ส.ก./ส.ข. ที่มีมวลชนของตัวเองหลายพันหลายหมื่น จะเอาคนออกมาได้จริงหรือไม่
และพรรคประชาธิปัตย์ต้องไม่ลืม "บทเรียนสำคัญ" ที่เพิ่งผ่านไปหมาดๆ อย่างเด็ดขาด
นั่นก็คือ พรรคเพื่อไทย แม้จะเคลื่อนในสภาและบนท้องถนน ที่พรรคประชาธิปัตย์ไปก๊อบปี้มาใช้นั้น
เอาเข้าจริงผลที่ได้คือ ความพ่ายแพ้!
ม็อบคนเสื้อแดงถูกปราบ ถูกฆ่า และต้องสลายการชุมนุมในที่สุด
รัฐบาลประชาธิปัตย์ภายใต้การสนับสนุนของกองทัพ คือ "ผู้ชนะ" ต่างหาก
แต่ได้ "ชัยชนะ" แล้ว พรรคประชาธิปัตย์ "ชนะ" ไม่สุดเอง
ไปพ่ายแพ้แก่พรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดงใน "สนามการเลือกตั้ง"
นั่น เป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่และเป็นจุดแข็งสำคัญของพรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดง ส่วนพรรคประชาธิปัตย์แก้จุดอ่อนที่ทำให้พ่ายแพ้ในสนามเลือกตั้ง แม้กระทั่งมาถึงวันนี้ก็ยังแก้ไม่ได้
จึงต้องเตือนใจตนเองเอาไว้ให้ดี
เตือนใจว่า ชัยชนะของพรรคเพื่อไทยคือ "การเลือกตั้ง" ไม่ใช่ "ม็อบบนถนน"
และที่ผ่านมา ประวัติศาสตร์การเมืองไทยยังไม่มีพรรคการเมืองไหนได้ชัยชนะจากยุทธวิธี "พรรคการเมืองนำ มวลชนตาม"
หรือประชาธิปัตย์จะแสดงให้เห็น
ก็ตามสบาย
แต่ถ้าเหนื่อยนักจะคิดถึงคำพูดติดปากของ "ป๋า" เปรม ติณสูลานนท์ บ้างก็ไม่ว่ากัน
"กลับบ้านเถอะลูก"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น