แนวต้านนิรโทษยี่ห้อ "ประชาธิปัตย์" 4 ขั้น 2 ดาบ สูตร "ค้านสุดซอย" !!
แนวต้านนิรโทษยี่ห้อ "ประชาธิปัตย์"
4 ขั้น 2 ดาบ สูตร "ค้านสุดซอย" !!
ประชาชาติธุรกิจ
ไม่เกินความคาดหมายสำหรับคอการเมืองนัก เมื่อร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)
นิรโทษกรรม ฉบับนายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ ผ่านพิจารณาวาระที่ 1
เป็นที่เรียบร้อย
ฝ่ายสนับสนุน-คนเสื้อแดง
ยังมั่นใจว่ากำหนดการของร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมยังคงเป็นไปตามเดิม คือ
ประกาศเป็นข่าวดีให้กับประชาชนช่วงปีใหม่ต้นปี 2557
ด้านฝ่ายค้าน-แนวต้านจากมวลชนและพรรคการเมือง ย่อมทำทุกวิถีทาง หยุดไม่ให้ร่างกฎหมายผ่านการพิจารณาได้อย่างรวดเร็ว
โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่ตัดสินใจใช้ยุทธวิธียื้อ แย่ง เบรกทุกช่องทาง และเลือกใช้กระบวนการทั้งใน-นอกสภาไปพร้อมกัน
นอกสภา ปรากฏภาพ ส.ส.ทั้งพรรคเคลื่อนขบวนมวลชนให้มวลชนเดินทางมาส่งเข้าสู่สภาเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม
แม้
จะไม่เกิดการเผชิญหน้าระหว่าง "มวลชน-เจ้าหน้าที่" ตามที่บางฝ่ายวิเคราะห์
แต่ก็เป็นไปตามเป้าหมายเพื่อแสดงศักยภาพของกองกำลังผู้ไม่เอากฎหมายล้างผิด
ตามที่เหล่าแกนนำพรรคประเมินไว้ก่อนหน้านี้
ขณะที่ในสภา
ไฮไลต์มิได้อยู่ที่เนื้อหา-สาระในการอภิปราย แต่กลับปรากฏยุทธการ
"ค้านสุดซอย" ตามสไตล์ ปชป. ที่ใช้รูปแบบการค้าน 4 ขั้นตอน
ก่อนเข้าสู่กระบวนการพิจารณาตามปกติ
หนึ่ง
ทันทีที่สภาเปิดการประชุม 13.00 น. พลพรรค ปชป.ก็ลุกขึ้นประท้วงทันที
โดยเรียกร้อง "สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์" ประธานสภา แจงเหตุผลว่า
ทำไมถึงไม่มีการถ่ายทอดสดการประชุมในวาระดังกล่าว
หลังจากผลัดกัน
ประท้วงกว่า 2 ชั่วโมง ปชป.ก็ส่งสัญญาณเดินหน้าขั้นตอนที่สอง โดย "ประเสริฐ
พงษ์สุวรรณศิริ" ส.ส.ยะลา อาศัยข้อบังคับการประชุมที่ 46
เสนอญัตติให้สภาพิจารณาร่าง
พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดินแทน
ทำให้ ส.ส.ทั้ง
2 ขั้วลุกขึ้นประท้วงกันอย่างหนัก
กระทั่งประธานต้องตัดสินใจสั่งพักการประชุม ก่อน "สมศักดิ์"
วินิจฉัยญัตติดังกล่าวไม่สามารถกระทำได้
เพราะสภาได้เริ่มต้นพิจารณาหลักการและเหตุผลของร่าง
พ.ร.บ.นิรโทษกรรมไปเรียบร้อยแล้ว
และยังไม่ทันได้หายใจหายคอ
มวลชนพรรคสีฟ้าก็ง้างดาบเดินหน้าขั้นตอนที่ 3 ทันที
โดยดึงเรื่องเก่ามาเล่าใหม่ว่า พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เข้าข่าย พ.ร.บ.การเงิน
ซึ่งต้องได้รับความเห็นชอบและการรับรองจากนายกรัฐมนตรี
เป็น
ลีลา-หนังซ้ำ ครั้งที่สภาขนร่างกฎหมายปรองดองเข้ามาพิจารณาเมื่อปีก่อน
โดยฝั่ง ส.ส.เพื่อไทยต่างก็ลุกขึ้นโต้ตอบเช่นเคยว่า
กรรมาธิการได้ตีความแล้วว่า วาระนี้ไม่เข้าข่ายกฎหมายการเงิน
จาก
นั้นไฮไลต์เด็ดในขั้นตอนที่สี่ ก็ปรากฏทันทีที่ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ"
ลุกขึ้นขอใช้สิทธิ์ตามข้อบังคับการประชุมข้อ 47 (5) เพื่อเสนอขอเลื่อนญัตติ
โดยแลกกับเงื่อนไขพิเศษที่จะยอมเดินทางไปเจรจาหาทางออกกับ "ยิ่งลักษณ์
ชินวัตร" นายกรัฐมนตรีในทันที
"ผมขอให้ท่านนายกฯลุกขึ้นยืนขอร้อง
สมาชิกพรรคเพื่อไทยให้เลื่อนกฎหมายนี้ออกไปก่อน
จะได้มาคุยกันเรื่องอนาคตประเทศ หากนายกฯสนับสนุน
พรุ่งนี้ผมจะไปร่วมพูดคุยหาทางออกประเทศทันที"
สุดท้ายสภาต้อง
ตัดสินด้วยการลงมติ ที่แน่นอนว่า
ส.ส.เสียงข้างมากยังคงมีความเห็นในทิศทางเดียวกันว่า ไม่เลื่อนถกร่าง
พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และเดินหน้าพิจารณาหน้าต่อทันที
กระทั่งเวลาล่วง
เลยมาถึงคิว "จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์" ประธานวิปฝ่ายค้าน
ลุกขึ้นอภิปรายตามวาระเป็นคนแรก ซึ่งเริ่มต้นกระบวนการเมื่อเวลา 20.00 น.
ถือเป็นการลากเกม "ค้านสุดซอย" กินเวลายาวนานกว่า 7 ชั่วโมงเต็ม เพื่อขวางลำไม่ให้ร่างกฎหมายเข้าสู่ลำดับการพิจารณาตามปกติ
อย่าง
ไรก็ตาม ภายหลังที่ "เพื่อไทย-ประชาธิปัตย์"
ต่างผลัดกันรุกรับกินเวลายาวนาน 16 ชั่วโมง ก็เป็นไปตามที่คาดการณ์เอาไว้
สภามีมติรับหลักการร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม 300 เสียง ไม่รับหลักการ 124
เสียง งดออกเสียง 14 เสียง และไม่ลงคะแนน 2 เสียง จากจำนวนผู้เข้าประชุมรวม
440 คน
และการแพ้โหวตในสภายุคนี้ เป็นสิ่งที่ ปชป.รู้ดีว่าจะไม่มีทาง และเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะจำนวนมือของ ส.ส.เพื่อไทย
อย่าง
ไรก็ตาม ฝ่ายค้านยังยืนยันที่จะเดินหน้าใช้ยุทธวิธี
"ค้านสุดซอย"ต่อไปตามแผนการรุกที่วางไว้
ไม่ว่าสภาจะหยิบร่างกฎหมายนิรโทษกรรมขึ้นมาพิจารณาในวาระใดหลังจากนี้ก็ตาม
เพราะ
รู้ดีว่า 2 ดาบสุดท้ายที่ยังไม่ได้หยิบออกมาใช้สำคัญที่สุด
ซึ่งต้องรอเวลาให้สภามีพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวผ่านทั้ง 3 วาระเสียก่อน
ดาบ
ที่หนึ่ง ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะนำกฎหมายขึ้นทูลเกล้าฯ
ปชป.ก็เตรียมข้อมูลพร้อมที่จะยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยว่ากฎหมายดัง
กล่าวขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่
ดาบที่สอง ณ
เวลานี้กำหนดการยังเป็นไปตามเดิม ตามที่ "สุเทพ เทือกสุบรรณ"
ส.ส.สุราษฎร์ธานี ประกาศลั่นกลางเวทีไว้ก่อนหน้านี้ว่า "หาก
ปชป.รั้งกฎหมายไม่ได้ทั้ง 3 วาระ
ก็พร้อมที่จะออกยืนแถวหน้ากับประชาชนทันที"
เป็น 2 ดาบอันตรายที่ ปชป.เชื่อว่า จะมีพลานุภาพรุนแรงสูสีกระบวนการในสภาที่มีเงื่อนไขแพ้-ชนะอยู่ที่จำนวนมือ ส.ส.ผู้ทรงเกียรติ
ฉะนั้น ยุทธการ "ค้านสุดซอย" ในห้วงเวลาของสภา อาจกลายเป็นการโหมไฟเข้ากองฟืนอีกครั้ง
เพื่อสร้างเงื่อนไข-เหตุผลในการ กระตุ้นมวลชนให้ออกมารวมตัวตามเสียงนกหวีดของ "สุเทพ" อีกครั้งหนึ่ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น