Red USA
https://www.facebook.com/red.usa.LA
"พวกมึงทำกันเกินไปแล้ว"
ถึงแม้เป็นวลีที่หยาบกระด้างไม่เข้ากับบุคลิกของนายกหญิงคนแรกของประเทศไทยก็ตาม
แต่มันคือ สาระหลัก ที่ RED USA ขอฟันธงว่าเป็นข้อความที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องการสื่่อ
ผ่านคำปาฐกถาที่ดังก้องกลางกรุงอูลันบาตอ เมืองหลวงของประเทศมองโกเลีย
ระหว่างการประชุมประชาคมประชาธิปไตย เมื่อวันจันทร์ที่ 29 เมษายน 2556 ที่ผ่านมา
เพื่อฟ้องร้องกล่าวโทษผู้ที่ทำร้ายประชาชนและขัดขวางระบอบประชาธิปไตยของประเทศไทย
เป็นการยืนยันความจริงที่นานาประเทศได้รับรู้รับทราบกันดีอยู่แล้ว
"พวกมึงทำกันเกินไปแล้ว"
ที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สื่อถึง
พวกอนุรักษ์นิยมและบรรดาผู้ต่อต้านระบอบประชาธิปไตยในประเทศไทย
ส่งผลรุนแรงและล้ำลึกยิ่งกว่าคำท้าทาย ของ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรี
ในวลีทอง "กูไม่กลัวมึง" ซึ่งกลายเป็นตำนานให้เล่าขานจากอดีตจนถึงปัจจุบัน
มีเพียงผู้มีบารมีที่มั่นใจในอำนาจแห่งตนเท่านั้นที่สามารถกล่าวอย่างเรียบง่ายว่า
"พวกมึงทำเกินไปแล้ว"โดยไม่จำเป็นต้องบอกต่อว่า ถ้าพวกมึงยังขืนทำต่อไปอะไรจะเกิดขึ้น
ไม่ต่างกับผู้มีบารมีและผู้มีอำนาจในหมู่บ้านที่บอก อันธพาลหน้าปากซอย
ด้วยเสียงเย็นๆว่า "พวกมึงทำกันเกินไปแล้ว"
การปาฐกถาของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ณ กรุงอูลันบาตอ ประเทศมองโกเลีย
เปรียบประดุจเสียงคำรามของนางสิงห์ ที่ดังก้องไปทั้งราวป่า ทำให้สรรพสัตว์น้อยใหญ่
ทั้งวิหกนกกา ชะนี ลิง ค่าง ต่างตื่นตระหนก ออกอาการหวาดผวา ส่งเสียงระเบ็งเซ็งแซ่ไปทั้งพงไพร
อาการตื่นตระหนก ส่งเสียงระเบ็งเซ็งแซ่
ประดุจสัตว์ป่าตื่นเสียงคำรามของนางสิงห์มีปรากฏให้เห็นในสังคมไทยทั่วทุกมุมเมือง
ตั้งแต่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้ส่งเสียงคำรามยังมิได้เดินทางออกจาก ประเทศมองโกเลีย ด้วยซ้ำ
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ใช้เวลาเพียงแค่ 13 นาทีกว่าๆไม่ถึง 14 นาที
ลำดับเหตุการณ์ทางการเมืองของประเทศไทยย้อนหลังไป 15 ปีตั้งแต่ปี 2540 ที่มีรัฐธรรมนูญของประชาชน
ซึ่งคนไทยต่างหวังกันว่าประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่ยุคประชาธิปไตยแล้วและจะไม่มีการทำรัฐประหารอีกต่อไป
แต่ความหวังของประชาชนไม่เคยเป็นจริงรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งกลับถูกโค่นล้มหลายครั้ง
โดยการทำรัฐประหารบ้าง ด้วยปกาศิตของตุลาการภิวัตน์บ้าง
โครงการดีๆที่รัฐบาลของอดีตนายกทักษิณ ชินวัตร พี่ชายของเธอทำไว้เพื่อประชาชนถูกยกเลิก
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไล่เลียงเหตุการณ์ของประเทศไทยจากอดีตจนถึงปัจจุบัน ว่าแม้แต่ในปี พ.ศ. นี้
ก็ยังมีขบวนการต่อต้านประชาธิปไตย มีองค์กรอิสระที่ทำงานเกินหน้าที่
และมีกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ตีกรอบไม่ให้ประชาธิปไตยในประเทศไทยเจริญงอกงาม
คำปาฐกถาของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ต่อหน้าบรรดาผู้นำประเทศประชาธิปไตยหลายสิบประเทศ เปรียบเหมือนฟ้าผ่ากลางแดด
ที่ไม่มีใครคาดคิดว่า สมันน้อยทางการเมือง อย่าง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะหาญกล้าเข้าปะมือกับ
อำนาจเก่า
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประกาศต่อหน้าบรรดาผู้นำประเทศสมาชิกประชาคมประชาธิปไตย ที่เข้าร่วมประชุม
ว่าที่เธอสามารถมายืนต่อหน้าทุกท่านในการประชุมครั้งนี้ เป็นเพราะพลังประชาชนที่เลือกเธอมา
ด้วยเสียงเรียบๆแต่หนักแน่นไม่ลุกลี้ลุกรน ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แจกแจงปัญหาและอุปสรรค
ที่ขัดขวางการเจริญเติบโตของระบอบประชาธิปไตยในประเทศไทยและการต่อสู้ของประชาชน
เพื่ออิสระและเสรีภาพจนต้องบาดเจ็บล้มตายและถูกคุมขัง โดยไม่มีอาการหวาดหวั่น ต่อผลที่จะตามมาแต่อย่างใด
เสียงปรบมือของผู้เข้าร่วมประชุมดังกึกก้องยาวนานเมื่อ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปิดท้ายคำปาฐกถา
ของเธอว่า
"ดิฉันหวังว่าความเจ็บปวดที่ครอบครัวของดิฉันได้รับ ที่ครอบครัวของเหยื่อทางการเมือง
และครอบครัวของผู้เสียชีวิตทั้ง 91 คนในเหตุการณ์เมื่อเดือนพฤษภาคม 2553 ต้องเผชิญ
จะเป็นความเจ็บปวดครั้งสุดท้ายของประเทศไทย"
ตั้งแต่เปิดตัวสมัครเป็นผู้แทนราษฎรวันแรก
จนได้รับเลือกตั้งและได้รับการโปรดเกล้าฯให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาจนเกือบครบสองปี
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่เคยต่อล้อต่อเถึยงหรือแก้ต่างให้ตัวเองสักครั้ง
ทั้งๆที่ถูกใส่ร้ายป้ายสี ได้แต่ทำตัวสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตนเสมอมา
ด้วยบุคลิกอย่าง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถ้าไม่เชื่อมั่นว่า "เอาอยู่"
คงไม่ประกาศกร้าวกลางที่ประชุมของประชาคมประชาธิปไตยโลกว่า
"ขอให้ความเจ็บปวดที่ประชาชนได้รับ จะเป็นความเจ็บปวดครั้งสุดท้ายของประเทศไทย"
ด้วยบุคลิกอย่าง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถ้าไม่มั่นใจว่า"ชนะ"คงไม่ลงมือ
คำสัญญาที่เธอให้ไว้กับประชาชนในการหาเสียง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทำได้หมด
ค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน/ เงินเดือน 1 หมื่น 5 พันบาทสำหรับผู้จบปริญญาตรี/
ข้าวราคา 1 หมื่น 5 พันบาท/
กองทุนพัฒนาศักยภาพสตรี/รถคันแรก และ ฯลฯ ล้วนทำได้ดั่งคำสัญญา
นั่นคือตัวอย่างของ "การพูดจริงทำจริง"
ดังนั้นคำประกาศเดินหน้าเพื่อประชาธิปไตยไทย
ที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประกาศต่อสังคมโลกในการประชุมที่กรุงอูลันบาตอ ประเทศมองโกเลีย
คงมิใช่ "สักแต่พูด" แต่คงได้ผ่านการข่าว การวิเคราะห์สถานการณ์ การประเมินกำลัง การวางแผน
และตัวบุคคลตลอดจนการอ่านอารมณ์มวลชน
จนสามารถตัดสินใจวางยุทธศาสตร์จัดยุทธวิธีเผชิญหน้ากับอำนาจเก่าอย่างไม่อ้อมค้อม
คำประกาศของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ว่า
"ขอให้ความเจ็บปวดที่ประชาชนได้รับ จะเป็นความเจ็บปวดสุดท้ายของประเทศไทย"
มันบาดลึกและท้าทายอำนาจขององค์กรอิสระและขบวนการตุลาการภิวัตน์
ซึ่งเป็นกำลังหลักของฝ่ายอนุรักษ์นิยมและผู้ฝักใฝ่เผด็จการอย่างยิ่ง
จนออกอาการต้องดาหน้ากันมากล่าวหาด่าท่อ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อย่างไร้เหตุไร้ผล
ในขณะเดียวกันคำประกาศนั้นกลับเพิ่มความฮึกเหิม
ให้กับประชาชนผู้รักความเป็นธรรมและได้ใจผู้ไขว่คว้าหาประชาธิปไตยไปเต็มๆ
จนพร้อมผนึกกำลังเป็นหนึ่งพุ่งสู่ "ศัตรูประชาชน" ที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะ "ชี้เป้า" ให้
แนวรบภาคประชาชนและฟากฝ่ายประชาธิปไตยพร้อมทำศึกแล้วทุกแนวรบ
การเมืองภาคประชาชนโดยการนำของวิทยุชุมชน 13 สถานีหรือ กวป.
ที่เรียกร้องให้ ตลก.หยุดปฏิบัติหน้าที่และขอโทษประชาชนกำลังเดินหน้าและรุกคืบอย่างมั่นคง
โดยกำหนดเส้นตายให้ ตลก. องค์อิสระผู้ประเมินตัวใหญ่เกินจริงไว้ในวันที่ 8 พฤษภาคม
มีประชาชนนับล้านทั้งในและนอกประเทศส่งกำลังใจและทุนทรัพย์ไปให้การสนับสนุนอย่างเนืองแน่น
ตลอดจนเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างเกาะติด พร้อมเดินหน้าร่วมขบวนรบเมื่อถึงเวลา
ในขณะที่แนวรบด้านองค์กรมวลชนอย่าง นปช.ก็พร้อมเคลื่อนขบวนในวันที่ 19 พฤษภาคม
แต่ในช่วงที่ขบวนใหญ่ยังไม่เคลื่อนโรงเรียน นปช.ก็รุกคืบยึดครองพื้นที่ไปทั่วประเทศ อุ่นเครื่องไปพลางๆ
แนวรบฝ่ายนิติบัญญัติก็คึกคักไม่แพ้กัน พร้อมใจกันปฏิเสธอำนาจ ตลก. เดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญต่อไป
อีกทั้งยังล่ารายชื่อทำเอกสารพร้อมลายเซ็นเพื่อยื่นถอดถอน ตลก. ที่ก้าวก่ายอำนาจนิติบัญญัติ
แนวรบด้านพรรคเพื่อไทยและฝ่ายบริหารก็พร้อม
จัดตารางเดินสายเปิดปราศรัย 10 เวทีใหญ่ทั่วประเทศ
เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนในเรื่องนโยบายและการทำงานของรัฐบาล
แนวรบด้านสื่อประชาธิปไตยทั้งวิทยุ โทรทัศน์และโซเชียลเน็ตเวิร์คก็เดือดพล่าน
ทั้งนี้ยังไม่รวมแนวรบด้านต่างประเทศทั้งอาเซียน ยุโรป ตลอดจนประเทศมหาอำนาจ
อย่างรัสเซีย จีน อินเดีย ญี่ปุ่นและประเทศในตะวันออกกลางก็พร้อมยืนอยู่ข้างรัฐบาลยิ่งลักษณ์
องค์กรต่างประเทศอย่างสหภาพรัฐสภาโลก สหภาพยุโรป ศาลโลก และศาลอาญาระหว่างประเทศ
ก็ไม่ปลื้มกับการใช้อำนาจเกินขอบเขตของอำมาตย์ไทยและองค์กรอิสระที่เป็นสมุนบริวาร
"ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นางสิงห์แห่งเอเชีย" คงได้ตรวจสอบและประเมินสถานการณ์แล้วทุกด้าน
อย่างลึกซึ้งและวิเคราะห์เจาะลึกรอบคอบ รอบด้านกว่าที่บทความนี้เอ่ยอ้างมากนัก
ปาฐกถาครั้งประวัติศาสตร์ของผู้นำไทยในเวทีโลกที่มองโกเลียจึงดังกึกก้องไปทั้งโลก
ทุกแนวรบพร้อม
รอเพียงให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลั่นกลองศึกและคำรามเพลงรบเท่านั้น
คนที่ประนามหยามเหยียด "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ว่าโง่ไร้ภาวะผู้นำคงได้เห็นกับตากันครานี้ว่า
"ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ตัวจริงเป็นเช่นไร
RED USA
MAY 1, 2013
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น