ส.ส.สุนัย จุลพงศธร
จาก ข่าวการไม่ยอมลงนามในหนังสือประกาศปณิธานของส.ส.ต่อปปช.ของกระผม อาจจะเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนว่าเป็นเรื่องส่วนตัว แต่แท้จริงเป็นเรื่องหลักการในการต่อสู้ทางความคิดระหว่างระบอบเผด็จการ อำมาตย์กับระบอบประชาธิปไตย และเป็นคนละเรื่องเดียวกันกับกรณีของ กกต.กั๊กตัวคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
วัน ที่ 14 กรกฎาคม 2554 เป็นวันแรกที่ผู้สมัคร ส.ส. เดินทางไปรับเอกสารใบรับรองจากหน่วยงาน กกต. ตามกฎหมายเพื่อยืนยันว่าได้ผ่านการตรวจสอบของหน่วยงาน กกต. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนที่จะไปรายงานตัวต่อสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นระเบียบพิธีตามขั้นตอนของกฎหมายที่เคยทำกันมา นับตั้งแต่มีหน่วยงานที่เรียกว่า องค์กรอิสระ กกต. แต่อยู่ๆมาปีนี้กลับมีหน่วยงานองค์กรอิสระอีกองค์กรหนึ่งที่มีชื่อย่อว่า ปปช.กลายมาเป็นแขกไม่ได้รับเชิญมาตั้งโต๊ะที่สำนักงาน กกต. กับเขาด้วยโดย กกต.ก็ส่งตัวลูกค้าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้ไปลงนามในเอกสารของ ปปช. ที่นั่งโต๊ะติดกันและเอกสารนั้นมีลักษณะเหมือนคำสาบานตนที่ใช้ชื่อว่า “ปณิธานของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร” โดยประกาศต่อปปช.ว่าจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มีจำนวนทั้งหมด 8 ข้อ และเมื่อลงนามแล้วก็จะได้รับมอบเข็มกลัด “ช่อสะอาด” ซึ่งส.ส.หลายคนทั้งส.ส.ใหม่และส.ส.เก่าก็ลงนามให้โดยไม่รู้และบางคนลงนาม ด้วยความเกรงใจ โดยทั้งผู้เสนอและผู้สนองไม่ได้คำนึงถึงกฎระเบียบและสิทธิหน้าที่ของหน่วย งานที่ถูกต้องในกลไกของระบอบประชาธิปไตย ทั้งๆที่ตัวส.ส.เองจะต้องเข้าไปทำหน้าที่เป็นคนออกกฎหมายแต่กลับไม่สนใจ เรื่องหลักเกณฑ์ทางกฎหมายซึ่ง ส.ส.เป็นตัวแทนของประชาชน ในองค์กรสูงสุดของรัฐที่เรียกว่ารัฐสภาซึ่งเป็นหนึ่งใน 3 ของอำนาจอธิปไตยของปวงชนอันประกอบไปด้วย อำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการ ซึ่งมีฐานะทางองค์กรของระบอบอยู่เหนือองค์กรอิสระอย่าง ปปช. และ กกต.อีกทั้งตามขั้นตอนที่ถูกต้องของระบอบประชาธิปไตยรัฐสภาเป็นผู้แต่งตั้งองค์กรทั้งสองนี้ ด้วย เหตุนี้กระผมเองจึงปฏิเสธที่จะไม่ลงนามในเอกสารที่มีลักษณะคล้ายคำสาบานตัว ต่อหน่วยงาน ปปช. และไม่เห็นด้วยที่ กกต.จะร่วมกันสมคบกับ ปปช.สร้างวัฒนธรรมเช่นนี้ขึ้นมาให้อยู่เหนือรัฐสภา อีกทั้งปัจจุบันทั้ง 2 หน่วยงานนี้ก็เป็นองค์กรตัวแทนของอำนาจเผด็จการที่ทำรัฐประหารล้มระบอบ ประชาธิปไตย ดังนั้นด้วยสำนึกในหน้าที่ของตัวแทนปวงชนชาวไทยในระบอบประชาธิปไตยที่แท้ จริงที่จะต้องคำนึงถึงความถูกต้องตามกฎหมายแห่งกลไกของระบอบประชาธิปไตย และจารีตประเพณีของระบอบประชาธิปไตยที่นานาอารยะประเทศปฏิบัติกันและกระผมเห็นว่าสังคมไทยในศตวรรษที่ 21 ควรจะยึดหลักการความถูกต้องแห่งระบอบการปกครอง มากกว่าความเกรงใจส่วนบุคคลได้แล้ว
ความวุ่นวายทั้งหมดของบ้านเมืองที่ยาวนานมากว่า 5 ปี จนกลายเป็นวิกฤตการณ์ทางการเมืองที่แก้ยากที่สุดในวันนี้ก็เพราะเราไม่ยึดความถูกต้องแห่งระบอบ หรือนัยหนึ่งก็คือ “คุณธรรมแห่งระบอบ” แต่เรายึดความถูกต้องแห่งตัวบุคคลโดยเฉพาะอาศัยความแก่เฒ่าเป็นความถูกต้อง หรือนัยหนึ่งก็คือ “คุณธรรมแห่งตัวบุคคล” จึงเกิดการอวดอ้างคุณธรรมแห่งตัวบุคคลไปทำลายระบอบการเมืองเสมอมาด้วยการรัฐประหารและองค์กรอย่าง ปปช. และ กกต. ก็ มาจากผลผลิตของการรัฐประหารเมื่อ 19 กันยายน 2549 ที่ใช้คุณธรรมแห่งตัวบุคคลนำหน้า หัวหน้าผู้อ้างคุณธรรมแห่งตัวบุคคลทำการล้มระบอบประชาธิปไตยก็คือผู้นำกอง ทัพอย่าง พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน และเมื่อทำการแย่งยึดอำนาจแล้วก็กระโดดเข้ามาอยู่ในระบอบที่ตัวเองทำลายอีก ระบอบการเมืองไทยจึงกลายเป็นวงจรอุบาทว์เวียนว่ายตายเกิดอยู่อย่างนี้ไม่จบ ไม่สิ้น
ดัง นั้นเพื่อความเข้าใจอันดีร่วมกันของทุกหน่วยงานในกลไกของระบอบประชาธิปไตย กระผมจึงขอเรียนยืนยันความไม่ถูกต้องต่อการกระทำของหน่วยงานกกต.ที่เอื้อ ประโยชน์ให้กับ ปปช.ในฐานะที่มาจากแหล่งเดียวกันเพื่อกระทำการเช่นนี้และเป็นเรื่องที่ เกี่ยวโยงไปถึงปัญหาการแทงกั๊กของ กกต. ต่อการประกาศไม่รับรอง คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ด้วยดังนี้
1.หน่วย งาน ปปช. เป็นหน่วยงานใต้องค์กรรัฐสภา คำกล่าวหรือการลงนามใดๆที่มีลักษณะสาบานตนว่าจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อ สัตย์สุจริตนั้น ส.ส.ทุกคนจะต้องกระทำในสภาต่อหน้าพระบรมสาธิสลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัวอย่างมีพิธีการ มิใช่กระทำต่อ ปปช. ต่อหน้าเจ้าหน้าที่อย่างไม่มีพิธีการเช่นนี้ ดังนั้นการกระทำของ ปปช.จึงไม่เพียงแต่ไม่ถูกต้องแต่ยังเป็นการทำลายความศักดิ์สิทธิ์แห่งกลไก ของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และกระทำเสมือนหนึ่งมีฐานะสูงเทียบเท่าสถาบันพระมหากษัตริย์
2.หน่วยงาน ปปช.ชุดที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่นี้ พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าคณะรัฐประหารที่ทำลายระบอบประชาธิปไตยเป็นผู้แต่งตั้ง และมิได้รับการโปรดเกล้าจากองค์พระมหากษัตริย์ด้วย จึงถือได้ว่ามีที่มาไม่ชอบด้วยระบอบประชาธิปไตยหรือมีที่มาโดยไม่มีความ สะอาดทางการเมือง ที่ถือเป็นจุดเริ่มต้นแห่งอำนาจที่สกปรก จึงไม่มีความชอบธรรมใดๆทางคุณธรรมแห่งระบอบการเมืองที่จะมอบเข็มกลัดช่อสะอาดให้แก่ผู้แทนราษฎรที่ผ่านการเลือกตั้งจากประชาชน ดังนั้นโดยระบอบแล้วส.ส.มีที่มาสะอาดกว่ากรรมการ ปปช. เพราะมาจากประชาชนและในวันนี้ทางออกที่ดีที่สุด คณะกรรมการ ปปช.ชุดนี้ควรจะลาออกและให้กลไกรัฐสภาที่มาจากประชาชนทำหน้าที่เลือกตั้ง ท่านหรือบุคคลอื่นเข้าไปทำหน้าที่ใหม่ เนื่องจากเหตุการณ์นับแต่การยึดอำนาจ 19 กันยายน 2549 ก็ได้ยุติไปแล้วอีกทั้งหลักฐานทางการเมืองก็ยืนยันแล้วว่าบ้านเมืองเป็นปกติ มาโดยตลอดตั้งแต่ต้น เพียงแต่มีบุคคลกลุ่มหนึ่งต้องการมีอำนาจโดยไม่ชอบจึงสร้างสถานการณ์ขึ้นและ นำไปสู่การรัฐประหาร และคณะกรรมการ ปปช.ชุดนี้ก็ก้มหัวยอมเป็นกลไกที่เกิดจากอำนาจเผด็จการของ พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ดัง นั้นในวันนี้คณะกรรมการ ปปช. จึงหมดความชอบธรรมใดๆที่จะแอบอ้างได้แล้ว (เว้นเสียแต่ท่านจะดันทุรังอยู่ด้วยกิเลสที่ยังยึดติดอยู่ในอำนาจอันไม่ชอบ เท่านั้น)
3.ใน โอกาสที่ไปรับมอบใบรับรองจาก กกต.ในวันแรกซึ่งตรงกับวันที่ 14 กรกฎาคม ที่โลกยอมรับแล้วว่าเป็นวันสำคัญในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ นั่นคือเป็นวันปฏิวัติประชาธิปไตยครั้งแรกของมนุษย์ในประเทศฝรั่งเศสคือวัน ที่ 14 กรกฎาคม คศ.1789 ที่มนุษย์ได้สร้างระบอบการปกครองใหม่ขึ้นและเป็นต้นแบบของระบอบการปกครองที่เลวร้ายน้อยที่สุดที่มนุษย์เคยมีมา คือระบอบประชาธิปไตย เราควรจะเริ่มต้นในระบอบที่ถูกที่ควรเพื่อหน่วยงานอิสระทั้งหลายทั้ง ปปช. และ. กกต. จะได้เข้าใจและมีสำนึกแห่งเจตนารมณ์ของมหาชนอันเป็นหลักการขั้นพื้นฐานของ ระบอบประชาธิปไตย ที่อำนาจเป็นของปวงชนชาวไทย ซึ่งเมื่อเข้าใจแล้วก็จะไม่เกิดกรณีที่จะใช้อำนาจของคนเพียง 5 คน อยู่เหนืออำนาจของประชาชน 15 ล้านคนที่สมัครใจเลือก คุณ ยิ่งลักษณ์ เพื่อให้มาเป็นนายกรัฐมนตรีโดยกระทำการเสมือนหนึ่งได้รับคำสั่งจากมือที่มอง ไม่เห็นที่จะไม่ยอมแต่งตั้งคุณยิ่งลักษณ์ ด้วยข้อหาผัดหมี่โคราช หรือเรื่องเล็กๆน้อยๆอันเป็นการละเมิดเจตนารมณ์แห่งมหาชน ที่กระผมนำเสนอเช่นนี้ก็ด้วยความเป็นห่วงด้วยหวังที่จะให้สังคมไทยพัฒนาสู่ ความเจริญเช่นนานาอารยะประเทศตามกลไกแห่งระบอบประชาธิปไตยโดยยุติการบาดเจ็บ ล้มตายของประชาชนอันเป็นผลจากน้ำมือของทหารผู้กินภาษีของประชาชนและใช้อาวุธ ที่มาจากภาษีของประชาชนเข่นฆ่าประชาชนมาเป็นเวลายาวนานได้แล้ว
ด้วย เหตุผลแห่งกฎหมาย,จารีตประเพณี และที่มาอันไม่ชอบของ ปปช. และ กกต.ดังกล่าวข้างต้น ปปช.จึงไม่มีความชอบธรรมใดๆที่จะมาเรียกร้องให้ ส.ส.ประกาศปณิธานต่อเจ้าหน้าที่ของ ปปช. และมอบเข็มกลัดช่อสะอาดให้แก่ ส.ส.และก็ไม่มีเหตุผลใดๆที่ กกต.จะอนุญาตให้ ปปช.มาใช้พื้นที่ของ กกต.กระทำการดังกล่าวเสมือนหนึ่งสมคบกันรวมทั้ง กกต.ก็ไม่มีความชอบธรรมใดๆที่จะใช้อำนาจมาขัดขวางการเข้าสู่การบริหารของคุณ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยปฏิเสธอำนาจแห่งมหาชนที่มอบให้เธอ ด้วยเหตุผลที่ไร้สาระที่ผู้เผด็จการเป็นผู้กำหนดขึ้น
วันศุกร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
http://www.mediafire.com/?3ge70n46618sab5
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น