วันพุธที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ความอัปลักษณ์ของการเมืองแบบ “กองเชียร์”

ที่มา : องค์กรเลี้ยวซ้าย


ความอัปลักษณ์ของการเมืองแบบ “กองเชียร์”


กองเชียร์เสื้อแดงพวกนี้ไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์ นักการเมืองเพื่อไทย ไม่ว่าเพื่อไทยจะหักหลังประชาชนอย่างไร กองเชียร์ก็จะหลับหูตาเชียร์ การสร้างกติกาที่เป็นธรรมในสังคมให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม กลายเป็นประเด็นที่พวกกองเชียร์เลือกที่จะหันหลังให้ เป็นเงาสะท้อนพฤติกรรมของพรรคเพื่อไทยที่เลือกหันหลังให้กับประชาชนได้เป็น อย่างดี 

โดย สมุดบันทึกสีแดง

กลางปีที่แล้ว ผู้เขียนได้เห็นความเห็นเทรนของคนรุ่นใหม่เสื้อแดง ซึ่งเป็นวัยรุ่นยังเรียนอยู่ในมหาลัย ได้โพสบนวอลเฟสบุ๊คของพวกเขาว่า “วันนี้เราได้คุยกับคุณลุงเสื้อแดง แลกเปลี่ยนประเด็นการเมือง...คุณลุงบอกว่าเรามีความคิดเหมือนคนอายุ 50!” แน่ นอนพวกเธอภูมิอกภูมิใจ ซึ่งเป็นเรื่องดีและเป็นเรื่องที่น่าอดสูในเวลาเดียวกัน เพราะ สังคมไทยมันล้าหลังและกล่อมเกลาให้คนคิดอยู่แต่ในกรอบ จนคนอายุ 50 สามารถคิดได้แค่ระดับคนอายุ 20 ปี

ถ้าคิดในภาพรวมสังคมสูญเสียความสร้างสรรค์ที่ปัจเจกคนหนึ่งพึงมี และปัจเจกเหล่านั้นพึงมีส่วนในการสร้างสังคม  โดยที่พวกเขาเหล่านั้นจะเป็นฐานเพาะให้กับสังคมที่มีความเสมอภาคในแง่มุม ต่างๆ หรือ ที่เรียกว่าการมีส่วนร่วมในการออกแบบสังคมใหม่ที่รับใช้คนส่วนใหญ่นั่นเอง อย่างไรก็ตามถ้ามีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและฝ่ายประชาธิปไตยเป็นฝ่ายชนะ การพัฒนาของสังคมและทัศนะของประชาชนจะก้าวกระโดดไปอย่างรวดเร็วมาก เหมือนที่เกิดขึ้นในสเปนหลังจากที่ล้มรัฐฟาสซิสต์ไป หรือ ตัวอย่างปัจจุบัน ประชาชนในอียิปต์ส่วนต่างๆ ได้ออกมาเรียกร้องและกดดันให้รัฐบาลปรับปรุงคุณภาพชีวิตของพวกเขา อาจารย์ ครู นักเรียน นักศึกษา ออกมาเรียกร้องให้ปลดคณะผู้บริหารที่เคยถูกแต่งตั้งโดยเผด็จการออกไป และเรียกร้องให้ทุกตำแหน่งในฝ่ายบริหารต้องมาจากการเลือกตั้ง หมอออกมาเรียกร้องให้รัฐเพิ่มงบให้กับโรงพยาบาลเพื่อปรับปรุง และบริการประชาชนได้ดียิ่งขึ้น ฯลฯ

สองย่อหน้าแรกมันมีความสำคัญอย่างไร และทำไมผู้เขียนยกขึ้นมา

สถานการณ์โดยทั่วไปตอนที่พรรคเพื่อไทยยังไม่ได้เป็นรัฐบาล เสื้อแดงส่วนหนึ่งและโดยส่วนใหญ่ยังเลือกที่จะวิเคราะห์พยายามใช้เหตุผลใน หลายเรื่อง ถึงแม้จะไปไม่ไกลมากแต่โดยเปรียบเทียบก็ดีกว่าอย่างเทียบไม่ติดกับเสื้อแดง ที่จำกัดตัวเองเป็นเพียงแค่กองเชียร์ให้กับพรรคเพื่อไทยเพียงอย่างเดียว พวกนี้กำลังปกป้องความล้าหลังป่าเถื่อนของสังคมไทยอย่างไม่รู้ตัว

ในห้วงที่กระแสการเมืองมีความแหลมคม พื้นที่เฟสบุ๊คเต็มไปด้วยข้อเถียงทางการเมือง แต่ปัจจุบันมันถอยหลังเข้าคลอง หลายส่วนกลายเป็นพื้นที่ “ขายของ”  ชื่น ชมภาพโป๊เปลือยของทั้งหญิงและชาย ในขณะที่ประเด็นความเสมอภาคทางเพศในไทยยังเป็นเรื่องที่ย่ำอยู่กับที่ ทัศนะการเหยียดเพศก็ยังคงได้รับการยอมรับและกลายเป็นแหล่งสร้างความขับขัน ความบันเทิง

กองเชียร์เสื้อแดงพวกนี้ไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์นักการเมืองเพื่อไทย ไม่ว่าเพื่อไทยจะหักหลังประชาชนอย่างไร กองเชียร์ก็จะหลับหูตาเชียร์ การสร้างกติกาที่เป็นธรรมในสังคมให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม กลายเป็นประเด็นที่พวกกองเชียร์เลือกที่จะหันหลังให้ เป็นเงาสะท้อนพฤติกรรมของพรรคเพื่อไทยที่เลือกหันหลังให้กับประชาชนได้เป็น อย่างดี

กองเชียร์จะไปเน้นทุ่มเทพลังงานให้กับข้อถกเถียงที่ไร้สาระ โดยเฉพาะกับพวกสลิ่ม เช่น เรื่องการแต่งตัวของนายก, การเดินทางไปเยือนต่างประเทศ โดยไม่สนใจว่าประเทศประเทศที่นายกไปเยือนนั้นมีมาตรฐานความเป็นประชาธิปไตย อย่างไร, การเอาหูไปนาเอาตาไปไร่กับการที่นายกยิงลักษณ์เดินไปจับมือกับอำมาตย์คนแล้ว คนเล่า, การโจมตีผู้เล่นของฝ่ายอำมาตย์เป็นรายบุคคล แทนที่จะวิจารณ์อย่างเป็นระบบและเรียกร้องให้รัฐบาลเอาคนที่มีส่วนในการฆ่า ประชาชนมาลงโทษ เพื่อให้เป็นมาตรฐาน

แน่นอนรัฐบาลเพื่อไทยเลือกไม่ทำแต่กองเชียร์จะไม่ถามว่าไมพรรคเพื่อไทยไม่ทำ แต่จะไปข้ามชอตว่าพรรคเพื่อไทยทำไม่ได้ (ซึ่งไม่จริง แต่เพื่อไทยเลือกไม่ทำ เลี้ยวซ้ายเคยเสนอการวิเคราะห์เรื่องนี้ไปหลายครั้งแล้ว ผู้เขียนจะไม่ลงรายละเอียดอีก) เพราะมีมือที่มองไม่เห็นมาคุมอยู่ ซึ่งนิยายเรื่องดังกล่าวเป็นเครื่องมือชั้นเลิศให้กับพรรคเพื่อไทยและกอง เชียร์ นำมาเป็นข้ออ้างเพื่อที่จะไม่ทำอะไรเลย นอกจากท่องคำว่า “ลืมทุกอย่างเสีย แล้วเรามาเริ่มกันใหม่” เพราะพวกเราไม่มีอำนาจ ซึ่งไม่จริง และมันเป็นการเชิญชวนให้คนนอนรอถูกรัฐอำมาตย์เข่นฆ่าประชาชนรอบใหม่เท่านั้นเอง

การเป็นกองเชียร์เสื้อแดงที่ไร้สมองมีผลเสียในหลายประการ ประการที่ร้ายแรงที่สุดจะมองไม่เห็นผลประโยชน์ของคนยากจน หรือ คนชั้นล่าง เช่น กรณีพยาบาลนัดหยุดงาน จากการสังเกตุข้อถกเถียงในเฟสบุ๊ค หลายคนเป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมืองของคนเสื้อแดงได้แสดงความเห็นออกมาในแง่ ที่ไม่ค่อยเห็นด้วยกับการนัดหยุดงานของพยาบาล โดยเสนอว่ารัฐบาลมีนโยบายที่จะบรรจุพยาบาลให้เป็นพนักงานประจำอยู่แล้ว

แต่ผู้เขียนมีคำถามสำคัญกับข้อเสนอดังกล่าวคือ ทำไมรัฐบาลต้องรอ ทำไมไม่บรรจุทันที ในขณะด้านหนึ่งพวกเราเห็นว่ารัฐบาลได้ใช้เงินเป็นจำนวนมหาศาลกับพิธีกรรมอัน ไร้สาระต่างๆ นาๆ เพื่อเอาอกเอาใจอำมาตย์ ซึ่งมันก็ชวนให้คิดได้ว่า พรรคเพื่อไทยไม่ได้เลือกที่จะยืนอยู่ข้างประชาชน แต่เลือกที่จะใช้ประชาชนเป็นสะพานเพื่อให้ตัวเองอยู่ในอำนาจเท่านั้นเอง

ผลร้ายที่เป็นรูปธรรมอันหนึ่งสดๆ ร้อนๆ ของการเป็นกองเชียร์ คือ ทหารที่ฆ่าประชาชน ออกมาฟ้องเอาผิดกับประชาชนที่พวกมันรังแก มันเป็นเรื่องที่อัปลักษณ์สิ้นดี พรรคเพื่อไทยอยู่ในอำนาจได้ก็เพราะการต่อสู้อย่างกล้าหาญของมวลชนคนเสื้อแดง แต่พรรคเพื่อไทยเลือกที่จะยืนดูคนเสื้อแดงถูกรังแกอย่างซ้ำซากอย่างเฉยเมย

ถ้าพรรคเพื่อไทยเลือกที่จะยืนฝ่ายประชาชนเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นไหม ถ้าพรรคเพื่อไทยเลือกที่จะปฏิรูปการเมืองให้เป็นประชาธิปไตยจริงๆ เรื่องแย่ๆ แบบนี้จะเกิดขึ้นไหม ถ้าคนเสื้อแดงกดดันเพื่อไทยให้เดินในแนวที่ถูกต้องมันจะเกิดเรื่องแบบนี้ ขึ้นไหม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น