ข่าวสดออนไลน์
วงค์ ตาวันวันที่ 07 สิงหาคม พ.ศ. 2556
ใน
เหตุการณ์ 99 ศพนั้น
มีประชาชนล้มตายในท่ามกลางการปราบปรามด้วยกระสุนจริงของฝ่ายรัฐ
โดยเริ่มสังเวยชีวิตตั้งแต่คืนวันที่ 10 เมษายน 2553 จนถึงวันที่ 19
พฤษภาคม 2553
99 ศพ มากที่สุดในประวัติศาสตร์การปราบม็อบในไทย
แต่
ในจำนวนนี้มี 6
ศพที่มาตายหลังจากศอฉ.เคลื่อนหน่วยรบเข้ายึดราชประสงค์ได้อย่างเบ็ดเสร็จ
แล้ว ม็อบสลายหมดแล้ว และแกนนำถูกควบคุมไว้หมดแล้ว
6 ศพนี้ ตายท่ามกลางสายตาผู้ชุมนุมหลายพันคน ที่พักพิงอยู่ในภายวัดปทุมวนาราม ซึ่งขึ้นป้ายขนาดใหญ่ไว้ว่าเป็นเขตอภัยทาน
บัดนี้ศาลได้มีคำสั่งชี้ผลไต่สวนชันสูตรทั้ง 6 ศพแล้วว่า ตายด้วยกระสุนปืนของเจ้าหน้าที่รัฐที่ปฏิบัติตามคำสั่งศอฉ.!
คำสั่งศาลดังกล่าว ผ่านการไต่สวนพยานหลักฐานมากมาย จนได้บทสรุป
กล่าวในสายตาประชาชน ต้องบอกว่า 6 ศพหลังสุด คือเครื่องประจานความโหดเหี้ยมอำมหิตอย่างที่สุด ภายใต้การใช้อำนาจของศอฉ.
ทั้งที่ควบคุมสถานการณ์ไว้หมดแล้ว กลับยังมีกองกำลังรบ ถือปืนควบคุมประชาชนที่หลบอยู่ภายในวัด
แล้วอะไรเกิดขึ้น เมื่อเห็นใครเคลื่อนไหว เห็นอะไรที่หวาดระแวง
ที่สำคัญคือผู้มีอำนาจในศอฉ.อนุญาตให้ใช้กระสุนจริงได้เต็มที่ จึงเกิดเรื่องน่าเศร้าสลดและสะท้อนความโหดเหี้ยมที่สุด
เล็งยิงผู้คนจากมุมสูงคือรางรถไฟฟ้าบีทีเอส และจากมุมพื้นราบโดยกองกำลังศอฉ.อีกชุด
คงไม่คาดคิดว่าจะมีหลักฐาน เพราะขณะนั้นควบคุมพื้นที่ได้หมด ใช้เคอร์ฟิวด้วย!
ที่ไหนได้ มีตำรวจที่รักษาการณ์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยประจำอยู่บนตึกสูง เลยเห็นเหตุการณ์และถ่ายวิดีโอเอาไว้อย่างละเอียด
เห็นชัดๆ ว่าเล็งปืนจากรางรถไฟฟ้าแล้วยิงเข้าไปในวัด
แถมยิงฝ่ายเดียว ด้วยสายตาตำรวจมองออกว่า ฝ่าย บนรางรถไฟฟ้า ไม่ต้องคอยหลบกระสุนเลย ไม่มีใคร ต่อสู้เลย
6 ศพวัดปทุม มาจากกระสุนเจ้าหน้าที่แล้ว
ยังสรุปว่าไม่มีชายชุดดำอีกด้วย!
ชายชุดดำที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อ้างมาตลอด
พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ให้เฉพาะกับประชาชน
เห็นอย่างนี้แล้วยิ่งยืนยันว่าถูกต้อง
ทั้งถูกยิงถูกฆ่าแล้วยังถูกจับยัดข้อหาร้ายแรงอีก!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น