oAo
สอาด จันทร์ดี
http://www.pchannel.org/index.php?name= ... dge&id=507
พรรค ประชาธิปัตย์มีนิสัยทางการเมืองชอบเจาะยางชาวบ้าน วิธีการเจาะยางของพรรคประชาธิปัตย์ใช้ลีลาเหนือเมฆ ใครตามไม่ทันจะถูกเจาะยางถึงขั้นพังเค้เก้ เสียผู้เสียคนไปเลย
ตัวอย่างเช่นพลตรีจำลอง ศรีเมืองที่โดดเด่นอลังการในยุค “มหา ๕ ขัน” ยากที่จะหาใครมาเทียบรัศมีได้
หาก แต่เจอเข้ากับการเจาะยางตามคัมภีร์ของพรรคประชาธิปัตย์ที่กล่าวออกมาว่า “จำลองพาคนไปตาย” เพียงประโยคเดียว พลตรีจำลอง ศรีเมืองถึงกับยางแตกกลางถนน ตายทั้งเป็นตั้งแต่บัดนั้น
จำลองพาคนไปตาย คือตะปูเรือใบที่โรยถนนให้รถของพลตรีจำลองเหยียบ
หมด ยุคจำลอง ย่างเข้าสู่ยุค พตท.ทักษิณ ก็ถูกพรรคประชาธิปัตย์เจาะยางอย่างร้ายแรงด้วยการเสนอถ้อยคำ (วาทกรรม) ให้บาดหูว่า “ระบอบทักษิณ” และ “เผด็จการทางรัฐสภา” พร้อมกับกล่าวหาซ้ำเข้าไปที่ละเล็กทีละน้อย จนในที่สุดก็สามารถ “ปลุกกระแส” ประชาชนทั้งประเทศให้เกิดความเชื่อและไหลตามพรรคประชาธิปัตย์ จนทักษิณอยู่ไม่ได้
วาทกรรมพวกนั้นถูกประดิษฐ์ขึ้นมาเพื่อการเจาะยางโดยแท้
ใน ห้วงเวลาต้องการฆ่าคนเสื้อแดงก็ใช้วาทะ “ขอกระชับพื้นที่” พร้อมกับวาทกรรมอื่น ๆ อีกหลายประโยค เพื่อจะฆ่ามึงให้ได้ และพรรคประชาธิปัตย์ก็ทำสำเร็จสมปรารถนา ได้ฆ่าคนอย่างสนุกสนาน มียอดคนตายที่นับศพได้ 91 ศพ และยังเป็นพวกสูญหายอีก 54 คน จนป่านนี้ยังตามหาไม่พบ
ฆ่าแล้ว ก็ใช้วาทกรรมโยนความผิดให้คนชุดดำ รวมทั้งกล่าวหาแดงฆ่ากันเอง
นี้คือกลยุทธในการใช้วาทกรรมเจาะยางอันร้อนแรงไม่น่าเชื่อ
ก่อน โน้น เนิ่นนานมาแล้ว ผู้เขียนได้ยินคนเขาพูดถึง “นายเลียง ไชยกาล” ส.ส. ของพรรค ปชป. จากจังหวัดอุบลราชธานี ตะโกนด้วยเสียงอันดังในโรงหนังศาลาเฉลิมกรุงว่า “ปรีดีฆ่าในหลวง” แล้วก็ส่งเสียงตะโกนทับไปอีก 3 ครั้ง ต่อจากนั้น ความพินาศฉิบหายก็เกิดกับ ปรีดี พนมยงค์
มาถึงยุคนี้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ยืนอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎรกล่าวหา พตท.ทักษิณ ชินวัตรว่า ฝักใฝ่จะเป็นประธานาธิบดี
แล้วก็มาถึงการหาเสียงที่เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์
พรรคประชาธิปัตย์ส่งเสียงกู่ก้อง “คนเสื้อแดงเผาบ้านเผาเมือง”
อันเป็นวาทกรรมต้องการเจาะยางพรรคเพื่อไทยโดยตรง
สุด ท้ายเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2554 ก็พากันดาหน้าออกมากล่าวหา พตท.ทักษิณ ว่า จะล้มเจ้าด้วยการอ้างหนังสือ “เร็ด พาวเวอร์” [Red Power] ของสมยศ พฤกษาเกษมสุข เอามาเป็นพยาน โดยไม่ยอมฟังเสียงประท้วงจากจตุพร พรหมพันธ์ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และสุดท้ายก็ไม่ยอมถอนคำพูด แถมยืนหน้าไมค์ประกาศก้องในรัฐสภาว่า ฟ้องเป็นฟ้อง หลังจากนั้นก็อภิปรายแขวะ “ท่านประธานสภา” อย่างไม่เกรงใจอะไรเข้าให้อึก
นักเจาะยางของพรรคประชาธิปัตย์ในวันรัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ได้แก่
นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ นายชวน หลีกภัย นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ นายสาทิศ วงศ์หนองเตย และอีกหลายคน แต่ละคนช่ำชองในวิชาเจาะยางอย่างหาตัวจับยาก
ทั้งหลายทั้งปวงที่เล่า มา ล้วนแต่เป็นยุทธการ “เจาะยาง” อันโชติช่วงของ ปชป. ทั้งสิ้น ที่ประดานักการเมืองของ ปชป. สามารถทำให้คู่ต่อสู้ยางแตก หรือไม่ก็ทำให้พวงมาลัยหลุด หม้อน้ำระเบิดอะไรพวกนั้น ล้วนแต่เป็นวิชาเอกของพรรคประชาธิปัตย์ทั้งสิ้น
ดังนั้นจึงอย่าเชื่อ ว่า หลังจากรัฐบาลได้แถลงนโยบายจบลง ณ วันที่ 25 สิงหาคม 2554 ชีวิตของนักการเมืองในพรรคเพื่อไทยจะมีความสุขไปได้ เนื่องจากกระบวนมือระเบิด พวกวางตะปูเรือใบ จะเริ่มลงมือทำงานอย่างหามรุ่งหามค่ำทีเดียว
ตัวอย่างที่เห็นชัด ก็คือ
ใน คืนวันที่ 24 สิงหาคม 2544 หลังจากประธานสภาประกาศปิดการประชุม พร้อมกับได้นัดหมายให้ประชุมต่อในวันที่ 25 สิงหาคม 2554 สิ่งอันไม่น่าเชื่อก็ได้เกิดขึ้น โดยมีนักศึกษา 2 คนเอาพวงหรีดมาประท้วง จุดมุ่งหมายคือประท้วงประธานสภาตอนเทียงคืนพอดี
คนเสื้อแดงที่เฝ้าอยู่ตรงนั้นเห็นเข้าจึงพุ่งพรวดเข้าไปสอบถาม
“เฮ้ย...ไปทำพวงหรีดมาจากไหนวะ ทำไมทำได้รวดเร็วจังเว้ย...?”
ว่าแล้วก็เข้าไปกระชากพวงหรีดมาทำลายต่อหน้าต่อตา แถมสั่งสอนว่า
“พ่อมึงบอกให้เอาหรีดมาประท้วงยังงั้นเร๊อะ ? ...ไป๊...กลับบ้านไป.. !
สองนักศึกษาตาลีตาลานหนีไป โดยไม่ยอมบอกความจริงว่าใครใช้ให้ทำ
ดัง นั้น เมื่อท่านได้เห็นลีลาของพรรคประชาธิปัตย์ในแต่ละบทบาท มันสุดแสนจะพิลึกพิลั่นและแหลมคมมิใช่น้อย ซึ่งความแหลมคมได้ระเบิดออกมาในนามขององค์กรจัดตั้ง เช่น “สันติอโศก” หมดตุลย์ สืทธิสมวงศ์ พวกพันธมิตร (พธม.) และอื่น ๆ อีก
วิธีการเจาะยางของพรรคประชาธิปัตย์จะแพรวพราวไม่เหมือนใคร
ยางรถเก๋งคันแรกที่จะถูกเจาะ ได้แก่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ยางคู่ต่อไปหลายร้อยเส้น ได้แก่การตามไล่เจาะยางทักษิณ
ผมมีความเชื่อแบบภูเขาร้อยลูก เอาขี้ควายกองเดียวได้แก่ ข้อกล่าวหา “ล้มเจ้า” ป้ายสีคนเสื้อแดง
แบบ ไม่ยอมรับฟังคำอธิบาย จะยังคงดำเนินต่อไปอย่างเข้มข้น และจะรุนแรงยิ่งขึ้น จะแรงจนกว่าคนไทยสองฝ่ายจะยกพวกตีกัน แล้วลากปืนมาไล่ยิงกัน จะได้เป็นสาเหตุและเงื่อนไขให้ “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” คนเสื้อแดง
ผมเชื่อของผมขนาดนั้น จะบอกให้ ถ้าไม่เป็นไปตามนี้ ก็จะต้องมีการเจาะยางแบบ “อ่อน-อ่อน”
ได้แก่ การฟ้องร้องให้ถอดถอน ให้ยุบพรรค เรียกว่าเช้าก็ยุบพรรค เย็นก็ยุบพรรค
อ่อนไปกว่านี้ได้แก่การ “ด่ากระทบ”กระแทกเปรียบเปรย
โปรด ดูหนังตัวอย่างในวันแถลงนโยบาย ซึ่งฝ่ายรัฐบาลไม่ได้เขียนคำว่า “ไพร่กับอำมาตย์” แม้แต่ประโยคเดียว พรรคประชาธิปัตย์ก็ยังเอาคำว่าไพร่กับอำมาตย์ขึ้นมาฟาดฟันจนได้
แต่คำว่า 91 ศพ ไม่ยอมพูดถึงเลย นายอภิสิทธิ์ ปิดปากเงียบ
นอก จากนี้ยังอภิปรายแขวะอาจารย์ธิดา ถาวรเศรษฐ รักษาการประธาน นปช. ด้วยการพูดถึงทฤษฎี 2 ขา ซึ่งเป็น “ยุทธศาสตร์” การต่อสู้ของคนเสื้อแดง ที่เขาประกาศของเขาอยู่ก่อนแล้ว พรรคประชาธิปัตย์ไม่ยอมหยุด..ได้กล่าวหาแบบเจาะยางว่า “นี้แหละคือยุทธศาสตร์ของพวกก่อการร้ายยังไงล่ะ”
คำก็ก่อการร้าย สองคำก็ก่อการร้าย อันเป็นวาทกรรมเพื่อการเจาะยาง
ด้วย เหตุนี้ ผมจึงมีความรู้สึกวิตกแทนพรรคเพื่อไทย ที่จะถูกโยนข้อหา “ก่อการร้าย” เข้าใส่แบบไม่รู้จักหยุด จะโยนใส่ทีละลูก ทีละลูก จนกว่ายางรถตู้ของพรรคเพื่อไทยจะถูกเจาะครบทุกเส้น
ผมมองไปข้างหน้า จะพบว่ามี “ล้อยาง” ของพรรคเพื่อไทย วิ่งอยู่ทุกกระทรวง
พรรคประชาธิปัตย์จะเลือกเจาะเส้นไหนก่อน ผมไม่ทราบ ทราบแต่ว่า
ถ้า 30 บาทเริ่มปรับปรุง เขาก็จะเจาะยาง 30 บาท
ถ้า เริ่มจ่ายวันละ 300 บาท เขาก็จะหา “นายทุนมาคัดค้าน” เพื่อจะได้เจาะยางให้พังไปทั้งแถบ ปริญญาตรีเดือนละ 15ม000 บาท ก็จะถูกเจาะยาง รวมไปถึงเรื่องการโยกย้ายข้าราชการ และการปรับปรุงตำแหน่งนักวิชาการของกระทรวงต่าง ๆ ก็จะถูกเจาะยางทั้ง 24 ล้อ
ผมเชื่อว่าตลอด 4 ปีข้างหน้า ถ้าครอบครัวของพี่น้องประชาชนที่ถูกทหารฆ่าตาย ไม่สามารถลากคอ “คนสั่งฆ่า” เอาขึ้นศาลได้ พรรคประชาธิปัตย์ก็จะมีฤทธิ์เดชใช้สอย “ม็อบรับจ้าง” ให้ทำหน้าที่เจาะยางพรรคเพื่อไทยไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะสามารถช่วงชิงอำนาจเอามาครอง โดยไม่สนว่าจะจัดตั้งรัฐบาลในสภาหรือนอกสภา
เป้าหมายสูงสุดคือยุบพรรคเพื่อไทย แล้วหว่านทองซื้องูเห่าภาค 3 อย่างน้อย 100 คน
ผมไม่เชื่อว่า น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะตามเกม ปชป. ทัน
เพราะว่า ปชป. เป็นพรรคการเมืองที่เชี่ยวชาญในการเจาะยาง...เจาะแบบอับอายขายหน้าก็เจาะ..? จึงขอให้พรรคเพื่อไทยจงระวังให้ดี
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อีกไม่นาน เชื่อว่าจะมีม็อบจัดตั้งเข้ามาก่อกวนการทำงานของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็น
ม็อบนักศึกษา – สำหรับกรณีเกี่ยวกับการศึกษา การเมือง
ม็อบคนงาน ลูกจ้าง – เกี่ยวกับค่าจ้าง ค่าแรง
ม็อบสิ่งแวดล้อม – เกี่ยวกับการก่อสร้างสาธารณูปโภค
ม็อบชาวบ้าน – เกี่ยวกับที่ดินทำกิน
ม็อบเครือข่าย – สำหรับงานการเมืองเฉพาะกิจแล้วแต่กรณี
ตอนนี้ นายอัมมาร สยามวาลา ที่หายหัวเงียบไปในช่วงรัฐบาล ปชป.
ก็เริ่มโผล่หัวออกมาวิจารณ์ และตั้งฉายารัฐบาลปูว่า เป็น "รัฐบาลดีแต่โม้" ไปแล้ว
อีกไม่นาน คงเป็นคิวของ “อาจารย์เสื้อกั๊ก“
ที่จะออกมาสร้างคำอุบาทว์ใหม่ ๆ ทางการเมืองให้สื่อได้เล่นข่าวฮีอฮากันอีก
ปัญหาของรัฐบาลปู ก็คือ การตอบโต้สวนกลับมีน้อยมาก หรือแทบจะไม่มีเลย
ไม่รู้ว่า ทีมที่ปรึกษาคิดยังไง แต่ถ้ายังทำตัวเป็นฤษีในกระดอง ปล่อยให้อีกฝ่ายซัดเอา ๆ ทุกวี่ทุกวัน
อีกไม่นานกระดองก็ร้าว และคงแตกเละในที่สุด
ฝ่ายบู๊ของพรรคเพื่อไทย หายหัวไปไหนหมด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น