Fri, 2010-08-06 20:11
6 ส.ค.53 นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บ.ก.ลายจุด ซึ่งประกาศตัวเป็นแกนนอนเสื้อแดง ถูกหมายเรียกฉบับที่ 2 หลัง จากที่โดนเพิ่งโดนข้อหา ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จากการร่วมชุมนุมทางการเมืองบริเวณใต้ทางด่วนลาดพร้าว 71 และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวไปคุมขังยังค่าย ตชด.ภาค 1 คลอง 5 จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.53 ต่อมากศาลแขวงพระนครเหนือ อนุญาตให้ประกันตัวในวงเงินประกัน 3 หมื่นบาท โดยมีกำหนดนัดวันพร้อมหรือชี้สองสถาน ในวันที่ 9 ส.ค.นี้ ที่ศาลแขวงพระนครเหนือ
นายสมบัติ ให้สัมภาษณ์ว่า เขาได้รับหมายเรียกดังกล่าวเมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยเป็นหมายเรียกจาก สน.ดินแดง เพื่อให้เข้าไปให้ข้อมูลในวันที่ 7 ส.ค.นี้ จากกรณีการขึ้นเวทีปราศรัยในพื้นที่ที่มีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และจัดกิจกรรม “เปลือยเพื่อชีวิต” ของผู้ชุมนุมและผู้สนับสนุนคนเสื้อแดง เมื่อวันที่ 17 พ.ค.53 ที่บริเวณใต้ทางด่วนดินแดง ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่รัฐบาลประกาศกระชับพื้นที่ และผู้ที่ต้องการเข้าร่วมการชุมนุมไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่ชุมนุมได้ กลุ่มผู้จัดกิจกรรมเล็งเห็นว่าควรมีเวทีและการทำกิจกรรมอยู่รอบนอก เพื่อให้ผู้ที่ไม่สามารถเข้าไปในที่ชุมนุมได้มีพื้นที่รวมตัวกัน ป้องกันไม่ให้คนมุ่งเข้าสู่แนวปะทะ ลดความเสียหายและความวุ่นวายลง
นายสมบัติ กล่าวต่อว่า กำหนดการในหมายเรียกตรงกับที่เขามีกำหนดไปทำกิจกรรม “ผูกผ้าแดง” ที่ จ.เชียงราย ดังนั้นจึงได้ทำการโทรศัพท์ไปขอเลื่อนการรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว เป็นวันพุธที่ 11 ส.ค. เวลา 13.00 น.
สมบัติ เห็นว่า หากเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการตั้งข้อหาในความผิดฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จากการไปร่วมชุมนุมอีก เขาคงจะต้องได้รับหมายเรียกอีกจำนวนมาก คิดเล่นๆ แล้วคงติดคุกหลายสิบปี หากรวมคดีย่อยๆ กำหนดโทษคดีละ 2 ปี แต่สมบัติก็ยืนยันว่าไม่ได้กังวลอะไร ทั้งยังกล่าวติดตลกด้วยว่าหมายเรียกแต่ละครั้งเหมือนเป็นประกาศนียบัตร
แกนนอนเสื้อแดงยังให้ข้อมูลด้วยว่า เมื่อวันที่ 5 ส.ค.มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 นายเข้าไปที่บ้านของเขาที่อยู่ในพื้นที่ จ.เชียงราย เพื่อสอบถามข้อมูลส่วนตัว โดยไม่มีหมายศาล และเมื่อ 1 เดือนก่อนหน้าก็ได้เคยมีนายทหารเข้าไปขอข้อมูลส่วนตัวของเขาในลักษณะเดียวกันนี้มาแล้ว ซึ่ง การกระทำเช่นนี้เป็นไปเพื่อต้องการข่มขู่คุกคาม แม้จะเป็นการเข้าไปพูดคุยด้วยท่าที่ที่ดี แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าหน้าที่รัฐพึงกระทำ
ในส่วนของกิจกรรม “ผูก ผ้าแดง” บก.ลายจุด ให้ข้อมูลว่า ที่เลือกไปทำกิจกรรมใน จ.เชียงราย มีเหตุผลจากที่ส่วนตัวเคยทำงานในพื้นที่นี้มานาน และทะเบียนบ้านปัจจุบันก็อยู่ทีเชียงราย อีกทั้งในพื้นที่ได้เกิดกรณีที่กลุ่มนักเรียน-นักศึกษาทำกิจกรรมชูป้าย เพื่อให้มีการยกเลิกประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ใน พื้นที่แล้วถูกตำรวจ สภ.เมืองเชียงราย ออกหมายเรียกในข้อหาชุมนุมหรือ มั่วสุมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปและก่อให้เกิดความวุ่นวาย นอกจากนั้นในส่วนนักเรียนชั้น ม.5 ที่เข้าร่วมทำกิจกรรมยังถูกคุกคามจากเจ้าหน้าที่ด้วยการขอเข้าไปค้นบ้าน ถูกส่งตัวไปให้สถานพินิจ และล่าสุดจะต้องเข้ารับการบำบัดจิตที่สถานพินิจฯ ทั้งที่ในภาวะปกติการแสดงออกในเรื่องสิทธิเสรีภาพของเยาวชนถือเป็นเรื่องที่ ควรให้การส่งเสริม
“วิธีคิดของเขาไม่ได้เพี้ยน แต่การจับต่างหากที่เพี้ยน เด็กทำสิ่งที่ถูกต้อง” นายสมบัติแสดงความเห็น
ส่วนของรูปแบบกิจกรรม นายสมบัติ ระบุว่า ในวันที่ 7 ส.ค.จะ มีการไปแจกผ้าแดงบริเวณเดียวกับที่กลุ่มนักเรียนนักศึกษาถูกออกหมายเรียก ในเวลาประมาณ 10.00 น.โดยอาจมีการแต่งตัวในชุดนักเรียนไปชูป้ายเพื่อเป็นการเลียนแบบเหตุการณ์ใน วันนั้น (16 ก.ค.53 ) กิจกรรมนอนตาย และจะมีการแสดงละครใบ้ที่บริเวณหอนาฬิกากลางเมืองเชียงราย
นายสมบัติ กล่าว ต่อมาว่าการผูกผ้าแดงได้กลายเป็นสัญลักษณ์ แทนที่ก้อนหิน ท่อนไม้ หรือท่อเหล็กที่จะเอาไปขว้างใส่กัน สื่อความหมายตามแบบสำนวนที่ว่างูหลามกลัวเชือกกล้วย และการมอบผ้าแดงในครั้งนี้ ถือเป็นการสนับสนุนการต่อสู้ทางสัญลักษณ์ ซึ่งในส่วนของรัฐบาลทั้งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และนายปณิธาน วัฒนายากร ในฐานะโฆษกรัฐบาล ต่างออกมาพูดแล้วว่าการแจกและผูกผ้าแดง ไม่มีความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ อีกทั้งผ้าแดงก็ไม่ใช่เอกสาร หรือหากจะมีความผิดสมบัติระบุว่า เขาก็พร้อมจะโดนคดีอีก 80 ปี
นอกจากจังหวัดเชียงรายแล้ว สมบัติยังวางแผนที่จะไปผูกผ้าแดงในจังหวัดอื่นๆ อีกด้วย อาทิ เชียงใหม่ อุดร และจังหวัดอื่นๆ ที่มีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
ทั้งนี้ กิจกรรม "วันอาทิตย์สีแดง" ที่นายสมบัติเผยแพร่ใน Facebook ส่วนตัวของเขา ในสัปดาห์นี้ เป็นกิจกรรม "Red Runner" หรือ "แดงเข้มแข็ง" โดยนัดรวมพลคนเสื้อแดงวิ่ง-เดิน-ออกกำลังกาย ที่สวนสันติภาพ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ตั้งแต่เวลา 17.00 น.เป็นต้นไป กิจกรรมวันอาทิตย์สีแดงเริ่มต้นอย่างเป็นนทางการ เมื่อวันที่ 25 พ.ค.53 มีเป้าหมายกำหนดว่า "วันอาทิตย์สีแดง 1 ปี 10 ล้านคน"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น