แดงเชียงใหม่

กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม

เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน


"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"

.

วันพุธที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ดึกสงัด บัตรล้านใบ! ร้อนรนขนทำไม?-กกต.ต้องหาคำตอบ!



แล้วในที่สุด คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ก็โดนสังคมรุมตั้งคำถามอย่างหนักในเรื่องของสั่งพิมพ์บัตรเลือกตั้ง 53.5 ล้านฉบับ แต่จำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในครั้งนี้มีอยู่เพียง 47.3 ล้านคน
ส่อเค้าว่า หากไม่สามารถตอบได้ชัดเจน ตอบแล้วยังไม่สามารถสร้างความยอมรับให้กับสังคมได้ ก็จะเป็นเรื่องที่ถูกพูด ถูกพาดพิงถึงไม่รู้จักจบสิ้นแน่นอน
ส่วนจะกลายเป็นรอยด่างสำหรับ กกต. ชุดนี้หรือไม่??? ก็ขึ้นอยู่กับว่าสุดท้ายแล้ว กกต.จะสามารถพิสูจน์ความเป็นจริง และความโปร่งใสแห่งพฤติการณ์ได้หรือไม่ก็เท่านั้นเอง
ณ วันนี้ไม่ได้มีเพียงแค่พรรคการเมืองเท่านั้นที่เกิดความสงสัย แต่ประชาชนเองก็เกิดความคลางแคลงใจ ในขณะที่บรรดาสื่อมวลชนต่างๆ ก็ล้วนแล้วแต่ต้องการตรวจสอบ... ว่าทำไมจึงต้องพิมพ์บัตรเลือกตั้งเกินมามากขนาดนั้น
เพราะจากอดีตมาจนถึงปัจจุบัน สถิติการมาใช้สิทธิในการออกเสียงเลือกตั้ง ไม่เคยมีครั้งใดเลยที่จะมีการใช้สิทธิ์ครบ 100%ในภาพรวม
แม้จะมีบางพื้นที่ บางหน่วยเลือกตั้งที่อาจจะมีการมาใช้สิทธิ์เต็ม 100% แต่นั่นก็ยังแป็นส่วนน้อย และไม่เป็นเหตุที่จะทำให้ กกต. จำเป็นจะต้องพิมพ์บัตรเลือกตั้งให้เหลือเกินเอาไว้อย่างมากมายเลยสักนิด
จากข้อมูลของศูนย์ต่อต้านการทุจริตการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย ที่มี พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็นประธานศูนย์ฯ และมีนายถิรชัย วุฒิธรรม เป็นโฆษกของศูนย์ให้ข้อมูลว่า หากดูข้อมูลในอดีตจะพบว่าการเลือกตั้งทุกครั้ง ยกเว้นการเลือกตั้งในวันที่ 23 ธ.ค.53 ไม่มีการพิมพ์บัตรเลือกตั้งเกิน
เพราะสถิติผู้มาใช้สิทธิแต่ละครั้งจะไม่เกินร้อยละ 75
ดังนั้นต่อให้พิมพ์เท่ากับจำนวนของผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง ก็จะมีบัตรเลือกตั้งเหลืออย่างต่ำ ถึงร้อยละ 25 อยู่แล้ว
ความชัดเจนแบบนี้ทำให้หนีไม่พ้นที่ กกต. จะต้องเจอคำถามว่า แล้วทำไมจะต้องพิมพ์เกิน???
ยิ่งเมื่อย้อนดูกรณีของการเลือกตั้งเมื่อในวันที่ 23 ธ.ค. 50 ทาง กกต. มีการพิมพ์บัตรเลือกตั้งเกินถึง 18 ล้านฉบับ
ซึ่งก็ปรากฏว่าในเวลาต่อมา ได้มีการพบบัตรเลือกตั้งถูกทิ้งและทำลาย จนกลายเป็นประเด็น และนำไปสู่การสืบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ แต่ไม่น่าเชื่อว่าจนถึงขณะนี้ 3ปีกว่าแล้ว แต่คดียังไม่มีความคืบหน้าออกมาให้เห็นบ้างเลย
ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อในการเลือกตั้งครั้งนี้ ยังจะมีการพิมพ์บัตรเลือกตั้งเกินเป็นจำนวนมากอยู่อีก ทาง
ศูนย์ต่อต้านการทุจริตการเลือกตั้ง จึงมอบให้ พล.ต.ท.ชัชจ์ กุลดิลก ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ยื่นเรื่องคัดค้านการพิมพ์บัตรเลือกตั้งเกินจำนวน
รวมทั้งขอให้กกต.ลดการพิมพ์เกินลง!!!
เพราะในเมื่อ กกต. ก็รู้อยู่แล้วว่ามีคดีในเรื่องของการพบบัตรถูกทิ้งถูกทำลายยังคาราคาซังอยู่ แล้วทำไม หรือว่ามีเหตุผลอะไรในการที่ยังจะต้องพิมพ์บัตรเลือกตั้งเกินอยู่อีกในครั้ง นี้
ที่สำคัญได้มีการสะกิดเตือนให้สังคมร่วมพิจารณาด้วยว่า มีประเด็นหรือไม่กับการที่ ผอ.สำนักอาสารักษาดินแดน ที่แต่งตั้งขึ้นมา และจะต้องทำหน้าที่ในการกำกับดูแลโรงพิมพ์อาสารักษาดินแดน กระทรวงมหาดไทย
ในฐานะที่เป็นโรงพิมพ์ที่จะต้องรับผิดชอบพิมพ์บัตรเลือกตั้งทั้งหมดนั้น
ไม่รู้ว่าเป็นเหตุบังเอิญหรือไม่??? ที่ผอ.สำนักอาสารักษาดินแดนคนดังกล่าว เคยรับราชการและเติบโตจากปลัดอำเภอ จ่าจังหวัด และนายอำเภอในจ.บุรีรัมย์ มาก่อน
จากนั้นได้ย้ายมาเป็นผอ.การคลัง กรมการปกครอง จนกระทั่งมีปัญหาในเรื่องการจัดซื้อคอมพิวเตอร์ ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นประเด็นที่มีนัยยะสำคัญ
และกกต.ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะมองข้ามไป
เนื่องจากว่า สามารถที่จะก่อให้เกิดคำถามในสังคม หรือความหวาดระแวงในสังคมได้ว่า อาจจะมีการแทรก แซงจากฝีมือของฝ่ายบริหารบางคนบางกลุ่มหรือไม่???
อาจจะมีการสั่งการอะไรที่พิเศษพิศดารบ้างหรือเปล่า
และสังคมสามารถที่จะระแวงสงสัยไปได้ร้อยแปดพันเก้า ถึงขั้นแม้กระทั่งการระแวงสงสัยว่าอาจมีปัญหาเรื่องเพลตที่ใช้ในการพิมพ์ บัตรเลือกตั้ง
เรียกว่าจินตนาการกันไปได้หมด แต่ที่ชัดเจนแน่นอนที่สุดเพียงประการเดียว ก็คือ ประเด็นนี้กลายเป็น เผือกร้อนลวกมือ กกต.ไปเรียบร้อยแล้ว!!!
แม้ว่านายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการกกต. จะออกโรงชี้แจงในเรื่องการพิมพ์บัตรเกินจำนวน ก็เพื่อให้เพียงพอกับการเลือกตั้งล่วงหน้าในเขตและนอกเขตเลือกตั้ง รวมถึงนอกราชอาณาจักรที่มีการลงทะเบียนไว้กว่า 3 ล้านคน
เพราะหากไม่เพียงพอก็ไม่สามารถจัดส่งหรือพิมพ์เพิ่มเติมได้ รวมถึงอาจส่งผลให้การเลือกตั้งเกิดปัญหาขึ้นได้
ซึ่งการแจกจ่ายบัตรเลือกตั้งจะแจกทั้งเล่มโดยไม่ฉีกแบ่ง ซึ่งแบ่งเป็นหน่วยละ 825 ฉบับ เมื่อบัตรเลือกตั้งที่ส่งไปยังแต่ละเขตแล้ว จะประทับตราบริเวณรอยต่อระหว่างบัตรเลือกตั้งและต้นขั้ว
ที่สำคัญคือมีบัญชีการจัดสรรไปในแต่ละเขตอย่างชัดเจน
ข้อมูลที่ใช้ประกอบเหตุผลในการพิมพ์บัตรเลือกตั้งเกิน ของทาง กกต. ก็คือ การพิมพ์บัตรเลือกตั้งในครั้งนี้ใช้ยอดผู้มีสิทธิเลือกตั้งจากกรมการปกครอง ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2553 ซึ่งมีจำนวน 47.3 ล้านคน ดังนั้นการจัดพิมพ์บัตรจะต้องเพียงพอต่อการจ่ายบัตรในวันเลือกตั้ง
โดยการเลือกตั้งครั้งนี้ มีหน่วยเลือกตั้งทั้งหมด 94,000 หน่วย ซึ่งรวมถึงการเลือกตั้งนอกเขตจังหวัด และนอกราชอาณาจักรที่มียอดรวมอีกประมาณ 3 ล้านคน กกต.จึงจำเป็นต้องพิมพ์บัตร 53 ล้านฉบับ!!!
หรือพิมพ์เกินไว้ประมาณเกือบ 6 ล้านฉบับนั่นเอง
ก็เป็นเรื่องที่ กกต.ชี้แจงออกมา พร้อมกับมีการให้ นายประพันธ์ นัยโกวิท คณะกรรมการการเลือกตั้ง ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง พร้อมด้วยนายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการกกต. นำตัวแทนพรรคการเมือง อาทิ พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อไทย ชาติไทยพัฒนา การเมืองใหม่ รักษ์สันติ และสื่อมวลชน ร่วมตรวจสอบขั้นตอนกระบวน การจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้งส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ที่โรงพิมพ์สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล สุขุมวิท 63 โดยมีนายวันชัย สุระกุล ผอ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พร้อมผู้บริหารสำนักงานกองสลาก ช่วยกันชี้แจงถึงกระบวนการแต่ละขั้นตอนจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้ง
ซึ่งนายวันชัย ยอมรับว่าการจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้งส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ จะจัดพิมพ์ทั้งสิ้น 53.5 ล้านฉบับ และพิมพ์บัตรตัวอย่าง 470,000 ฉบับ ซึ่งมีขนาดเท่ากระดาษ A4 โดยมีจำนวนพรรค 40 พรรค
ขั้นตอนการพิมพ์จะใส่รหัสบัตรเลือกตั้ง ที่กองสลากออกร่วมกับกกต. ซึ่งกระบวนการพิมพ์จะควบคุมด้วยระบบคอมพิว เตอร์ และตรวจสอบหลังการพิมพ์เสร็จสิ้น จากนั้นจะเย็บเล่ม โดยบัตรเลือกตั้ง 1 เล่ม จะมี 25 ฉบับ
และจะมีเจ้าหน้าที่ กกต. ร่วมควบคุมตรวจสอบทุกขั้นตอนการจัดพิมพ์ และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำการทุกจุด รวมถึงติดตั้งกล้องวงจรปิด (ซีซีทีวี) ตลอด 24 ชั่วโมง
ทั้งนี้กระบวนการจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้ง เริ่มจัดพิมพ์ไปตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค. จนถึงวันที่ 21 มิ.ย. รวม 28 วัน ตั้งแต่เวลา 07.30-23.30 น. ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ ซึ่งกองสลากจะพิมพ์ให้เสร็จตามกำหนด ขณะนี้จัดพิมพ์ไปแล้วประมาณ 21%
โดยเมื่อจัดพิมพ์และแยกบรรจุลงกล่องเรียบร้อยแล้ว จะส่งไปยังบริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด ถ.แจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ วันละ 1 เที่ยวๆ ละ 4 คัน รวมทั้งสิ้น 2 ล้านฉบับ
สำนักงานสลากยืนยันว่า ขั้นตอนการพิมพ์บัตรแบบบัญชีรายชื่อมีความโปร่งใส เป็นไปตามกระบวนการ หากบุคคลใดมีความสงสัย หรือคลางแคลงใจ ก็สามารถตรวจสอบได้ กองสลากยินดีเปิดให้สาธารณชนร่วมสังเกตการณ์ ขอยืนยันไม่สามารถทำการเคลือบบัตรในบางช่องลงคะแนนได้ เนื่องจากการพิมพ์จากแท่นพิมพ์เดียวกันและไม่สามารถหยุดเครื่องพิมพ์เพื่อทำ การเคลือบบางช่องได้ อีกทั้งยังต้องเร่งผลิตให้ได้วันละ 2.8 ล้านฉบับ และหากจะทำได้ ก็จะต้องเปลี่ยนเครื่องพิมพ์ใหม่ทั้งชุด หากพบว่ามีบัตรเลือกตั้งที่มีรอยเปื้อน หรือไม่ได้มาตรฐาน ทางกองสลากก็จะสั่งทำลายด้วยเครื่องซอยกระดาษ โดยมีเจ้าหน้าที่กกต. ร่วมกันทำลายด้วยผอ.กองสลาก กล่าว
แต่ดูเหมือนจะไม่ยังไม่สามารถที่จะหยุดกระแสความสงสัย และความคลางแคลงใจของสังคมได้ เนื่องจากมีกระแสข่าวออกมาว่า จริงๆแล้วน่าจะมีการพิมพ์บัตรเลือกตั้งเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค. แล้ว ไม่ใช่เริ่มวันที่ 25 พ.ค.อย่างที่กล่าวอ้าง
แต่ประเด็นที่สำคัญก็คือ กกต.ได้มีการแถลงยืนยันอย่างเป็นทางการว่า มีผู้ใช้สิทธิ์จำนวน 47.3 ล้านคน แต่ตามกฎหมายแล้ว กกต.สามารถพิมพ์บัตรเกินได้ 7% หรือก็คือว่าในครั้งนี้จะพิมพ์ได้เกินประมาณ 3.3 ล้านใบเท่านั้นใช่หรือไม่???
ถ้าใช่ก็แปลว่าอำนาจตามกฎหมายในการเลือกตั้งครั้งนี้ กกต. จะพิมพ์บัตรเลือกตั้งทั้งหมดได้แค่ 50.6 ล้านใบเท่านั้น
แต่ขณะเดียวกัน กกต.ก็ยืนยันว่า ในการจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้งส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ จะจัดพิมพ์ทั้งสิ้น 53.5 ล้านใบ ซึ่งเท่ากับว่า กกต.พิมพ์บัตรเลือกตั้งเกินจำนวนที่กฎหมายกำหนดไปกว่า 2 ล้านใบในระบบส.ส.เขต
และยังมีในระบบบัญชีรายชื่ออีกกว่า 2 ล้านใบ
หรือรวมแล้วกกต.พิมพ์บัตรลงคะแนนมากกว่าที่กฎหมายกำหนด ถึงกว่า 5 ล้านใบ ตรงนี้จึงเป็นประเด็นที่พุ่งเข้าใส่ กกต.เต็มๆ
และทำให้มีการขอร้องให้ทางกกต.คิดทบทวนเรื่องจำนวนการพิมพ์บัตรเลือกตั้งใหม่อีกครั้งหนึ่ง
ทั้งหมดถือเป็นเดิมพันครั้งสำคัญของ กกต. ที่จะต้องพิสูจน์ถึงความโปร่งใส ที่จะต้องให้เหตุผลที่ดีเพื่อที่จะสร้างการยอมรับให้ได้ ไม่เช่นนั้น ก็จะถูกมองในแง่ของความสงสัยเหมือนเช่นที่ผ่านๆมาแล้วก็ได้
หรือหากมองในแง่ของการใช้เงินภาษีของประชาชนอย่างเหมาะสม แค่ประเด็นนี้ก็มีปัญหาแล้ว เพราะทุกบัตรเลือกตั้งที่พิมพ์เกินนั้นใช้เงินภาษีของประชาชนจ่ายไปทั้งสิ้น การที่พิมพ์มาเกินแล้วนำไปทำลาย หรือเผาทิ้งนั้น
ก็คือการเผาเงินภาษีของประชาชนนั่นเอง
ประเด็นเหล่านี้เป็นเรื่องที่ท้าทายและกดดัน 5 เสือ กกต.โดยตรง ไม่ใช่เพียงแค่ นายประพันธ์ นัยโกวิท เท่านั้น แต่ต้องหมายรวมไล่มาตั้งแต่ นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง รับผิดชอบด้านบริหารกลาง นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง รับผิดชอบงานด้านการบริหารการเลือกตั้ง นายสมชัย จึงประเสริฐ กรรมการการเลือกตั้ง รับผิดชอบด้านการสืบสวนสอบสวน นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง รับผิดชอบด้านกิจการพรรคการเมือง และนายสุเมธ อุปนิสากร กรรมการการเลือกตั้ง รับผิดชอบด้านการมีส่วนร่วม
ล้วนแล้วแต่ต้องเข้ามาร่วมรับผิดชอบต่อชื่อเสียงและความน่าศรัทธาของ กกต.ด้วยกันทั้งสิ้น
งานนี้หนักหนาสาหัสแน่ เพราะความวัวยังไม่ทันหาย ก็เกิดมีกระแสข่าวลือออกมาในสังคม อีกแล้วว่า กลางดึกเมื่อคืนวันที่ 2 มิถุนายนที่ผ่านมา มีผู้พบเห็นว่าอาจจะมีการเร่งรีบขนบัตรเลือกตั้งกว่า 1 ล้านใบออกไปจากโรงพิมพ์ของหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงมหาดไทย
เจอเข้าไปหลายๆดอก เป็นระยะต่อเนื่องแบบนี้ 5 เสือ กกต.ไม่น่วมก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว
วันนี้นางสดศรี อาจจะถึงกับแอบร้องอยู่ในใจก็เป็นได้ว่า... รู้อย่างนี้ฉวยจังหวะลาออกไปเมื่อครั้งนั้น วันนี้ก็คงไม่ต้องปวดหัว และเปลืองชื่อเสียงเช่นนี้แน่???

http://www.bangkok-today.com/node/9123

http://www.internetfreedom.us/thread-27109.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน