** ข้อความที่อยากจะให้ช่วยกันเมล์ต่อๆกันไป...เพื่อชัยชนะของเบอร์ 1...สื่อคืออาวุธที่ทรงพลังที่สุด **
ที่มา : http://www.dailynews.co.th/newstartpage/...tID=143234
วัดใจกองทัพกับการเลือกตั้งยืนข้างประชาชนหรือมือที่มองไม่เห็น
วันจันทร์ ที่ 06 มิถุนายน 2554 เวลา 0:00 น
.
การขึ้นเหนือไปหาเสียงอย่างสะดวกโยธินของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จนแทบจะไม่มีการต่อต้านจากคนเสื้อแดง ทั้งที่เป็นฐานที่มั่นหลัก ทำให้เห็นว่าบรรยากาศการเลือกตั้งกำลังไปได้สวย แสดงว่าประชาชนต้องการเห็นการเลือกตั้ง ต้องการใช้สิทธิเสรีภาพของตัวเองในการกำหนดชะตาชีวิตทั้งของตัวเองและประเทศ ชาติ
หลังจากถูกปล้นไปต่อหน้าต่อตาเมื่อปี 2549
การไปหาเสียงภาคเหนือครั้งนี้ภาพที่ออกมาสู่สายตาประชาชน อาจดูเหมือนอภิสิทธิ์จะมีความสุข แต่เจ้าตัวคงอาจไม่ค่อยแฮปปี้เท่าไหร่ เมื่อถูกพระทักว่าดวงอ่อนกว่าคู่แข่งอย่างยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และเมื่อมองย้อนกลับไปดูคำทำนายก่อนหน้านี้ของโหรเนวิน ชิดชอบ ที่ฟันธงว่าอภิสิทธิ์จะแพ้เลือกตั้ง ทำให้มีความเป็นไปได้ว่า การทำนายทายทักของสำนักต่าง ๆ ใกล้เคียงกันเหลือเกิน
นั่นคืออภิสิทธิ์จะพบกับความพ่ายแพ้การเลือกตั้งครั้งนี้
ตามระบอบประชา ธิปไตยหากอภิสิทธิ์พ่าย
แพ้แล้วยิ่งลักษณ์ชนะ แน่นอนว่าพรรคเพื่อไทยจะต้องจัดตั้งรัฐบาล และถ้าไม่มีอะไรเข้ามาแทรก ประวัติศาสตร์การเมืองไทยจะต้องบันทึกถึงการมีนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกที่ชื่อ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ถ้าเล่นกันตามกติกามันจะเป็นเช่นนั้น ยกเว้นว่าจะมีใครบางคนแหกกฎไม่สนใจกติกา ยิ่งเมื่อมาคิดถึงคำพูดของโหรเนวินที่ว่า
“นายกรัฐมนตรีจะเป็นใคร ขึ้นอยู่กับผู้ที่มีอำนาจ”
เพียงแค่ประโยคนี้ก็สามารถก่อให้เกิดคำถามว่า คนที่มีอำนาจหมายถึงใคร? หรือโหรเนวินได้ยินกุมารทองตัวไหนกระซิบบอกล่วงหน้า
ประกอบกับข่าวลือว่าผู้นำกองทัพได้หารือกันสรุปว่า หากพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง จะมีโอกาสแค่รวบรวมคนจัดตั้งรัฐบาลเท่านั้น แต่ยิ่งลักษณ์หรือคนใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะไม่มีทางได้เป็นนายกรัฐมนตรี
หากแนวคิดนี้เป็นของคนในกองทัพจริง ก็น่าสงสารประชาชนที่เกิดมาบนแผ่นดินนี้ ที่ถูกคนที่ถืออาวุธจากเงินภาษีประชาชนลิดรอนสิทธิดูถูกสติปัญญา ถามว่าที่บ้านเมืองเกิดความขัดแย้งกันอยู่ทุกวันนี้เป็นเพราะใคร? เพราะทักษิณหรือ? เพราะอภิสิทธิ์หรือ? เพราะกลุ่มพันธมิตรฯ หรือ?
หรือเพราะคนเสื้อแดง ?
คำตอบคือ ไม่ใช่
คนเหล่านั้นอาจจะเป็นต้นเหตุแต่ไม่ใช่ตัวปัญหา เพราะรากเหง้าแห่งการขัดแย้งทั้งหมดมาจากการปฏิวัติเมื่อปี 49 ถ้าไม่มีการปฏิวัติในครั้งนั้นก็อาจจะไม่มีคนเสื้อแดง จะไม่มีการตายของประชาชนจำนวนมากจากการสลายการชุมนุมของกองทัพ จะไม่เกิดการแบ่งก๊กแบ่งเหล่าของประชาชนเหมือนเช่นทุกวันนี้
ถ้าไม่มีการปฏิวัติ พ.ต.ท.ทักษิณอาจอยู่ต่ออีก 4 ปีจนครบวาระ สิ่งที่เขาทำไม่ว่าจะดีเลวอย่างไร เมื่อครบวาระและต้องเลือกตั้งใหม่ ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินลงโทษเขาเอง ไม่ใช่หน้าที่ของกองทัพที่ใช้อำนาจนอกระบบมายึดอำนาจและไล่เขาออกไป แล้วบอกว่าประเทศนี้เป็นประชาธิปไตย
วันนี้กระแสยิ่งลักษณ์ถูกจุดติดแล้ว ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ต้องแก้เกมกันอย่างหนักเพราะขืนปล่อยไว้จะยิ่งมีโอกาส พ่ายแพ้สูง แต่การตอบโต้ต้องแยบคายไม่เช่นนั้นอาวุธที่สาดใส่คู่แข่งอาจย้อนกลับมาเล่น งานตัวเอง อาจถูกมองว่ารังแกผู้หญิง แทนที่จะช่วยดึงคะแนนกลับกลายเป็นว่าฉุดลงเหวแทน
การที่พรรคประชาธิปัตย์จะหาตัวช่วยจึงไม่ใช่เรื่องแปลก
ยิ่งเมื่อณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้สมัครปาร์ตี้ลิสต์ พรรคเพื่อไทย ออกมาบอกว่ามีผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพ กำชับกำลังพลให้ไปใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้า โดยให้เลือกพรรคประชาธิปัตย์นั่นเท่ากับว่ากองทัพกำลังจะแทรกแซงระบบการ เลือกตั้งอีกครั้งหนึ่ง ด้วยการใช้กลไกอำนาจให้คุณให้โทษกับพรรคการเมืองที่ตัวเองปลุกปั้นมาตั้งแต่ ต้น
ถ้าเรื่องที่ณัฐวุฒิพูดมาเป็นเรื่องจริง และการเลือกตั้งครั้งนี้ไร้ซึ่งความบริสุทธิ์ยุติธรรม คงเป็นการยากที่จะมาเรียกหาความปรองดองหรือสมานฉันท์แน่นอนว่าประเด็นเหล่า นี้ทางกองทัพต้องออกมาปฏิเสธเด็ดขาดว่าไม่มีเรื่องดังกล่าว เป็นเรื่องที่กุกันขึ้นมาเอง
ถ้าพูดอย่างนั้นก็ต้องย้อนถามว่าเหมือนกับคดีล้มเจ้าที่กองทัพกุขึ้นมาเพื่อยัดเยียดให้กับคนเสื้อแดงหรือเปล่า?
เพราะในที่สุดความจริงก็ปรากฏเมื่อ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ.ได้ให้การต่อศาลอาญาว่า ผังล้มเจ้าของ ศอฉ.ที่มีแกนนำคนสำคัญของ นปช.รวมอยู่ด้วยนั้น เป็นเพียงการดำเนินการตามความเชื่อโดยปราศจากหลักฐาน
การเลือกตั้งครั้งนี้จึงเป็นบทพิสูจน์กองทัพว่า ยังเป็นกองทัพของประชาชน และยังเป็นกองทัพที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย อย่างที่กล่าวอ้างมาโดยตลอดหรือเปล่า หรือว่าเป็นกองทัพของมือที่มองไม่เห็น....
...............................
ขอขอบคุณท่านnaisanyaที่เอามาลงให้อ่านครับ
http://www.internetfreedom.us/thread-26795.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น