แดงเชียงใหม่

กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม

เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน


"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"

.

วันอังคารที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ฮุนเซนขย่มซ้ำ! ขู่นองเลือดไทย

วันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2553 ปีที่ 20 ฉบับที่ 7194 ข่าวสดรายวัน

"มา ร์ค" ทำเมินไม่สน "ฮุนเซน" ผู้นำเขมรร่อนหนังสือฟ้อง "ยูเอ็น" กรณีข่มขู่ใช้กำลังทหารแก้ปัญหาเขาพระวิหาร แขวะซ้ำในจ.ม.ที่ส่งไปมีแต่คำว่า "ถ้า" อย่างนั้นถ้าอย่างนี้ ทั้งๆ ที่ยังไม่มีเหตุอะไรเกิดขึ้น "เทพเทือก" โบ้ย จนท.แจงหลักปฏิบัติเอาเอง หลังปล่อยม็อบพันธมิตรฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉินปิดล้อมทำเนียบฯ ด้าน ปชป. ประสานเสียงยันรบ.ไม่มี 2 มาตรฐานเอาใจพันธมิตร "นพดล" มึนนายกฯ ยึดแผนที่กลับไปกลับมา ส่วนพท.ซัดรบ. "สมยอม" กับพันธมิตรใช้ปมขัดแย้งเขาพระวิหารหาประโยชน์ทางการเมือง "ฮุนเซน" วอนนานาชาติช่วยแทรก แซง ขู่ไทยซ้ำข้อพิพาทอาจจบลงด้วยการนองเลือด

-"
มาร์ค"เมินฮุนเซนฟ้องยูเอ็น

จาก กรณีความขัดแย้งประเด็นเขาพระวิหาร ภายหลังรัฐบาลไทยคัดค้านกัมพูชาเสนอแผนบริหารพื้นที่ปราสาทพระวิหารต่อคณะ กรรมการมรดกโลก ส่วนกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเคลื่อนไหวกดดันให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยกเลิกบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ไทย-กัมพูชา ปี 2543 อ้างว่าจะทำให้ไทยสูญเสียดินแดนและเรียกร้องให้ส่งทหารขับไล่คนเขมรออกจาก พื้นที่พิพาท 4.6 ตร.ก.ม. ด้านนายอภิสิทธิ์ขึ้นเวทดีเบตกับฝ่ายพันธมิตร ขณะเดียวกัน โฆษกพรรคเพื่อไทยมองว่า รัฐบาลเล่นละครการเมืองสองมาตรฐาน เพราะไม่จัดการกลุ่มพันธมิตรสายที่เคลื่อนไปยังทำเนียบฯ ซึ่งเข้าข่ายผิดพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ด้านสมเด็จฮุนเซน นายกฯ กัมพูชา ทำหนังสือถึงประธานสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ ร้องเรียนกรณีนายอภิสิทธิ์ประกาศข่มขู่ระหว่างพบปะกับกลุ่มพันธ มิตรว่า หากแก้ไขปัญหาไม่ได้จะยกเลิกเอ็มโอยู 2543 และใช้วิธีทางการทูต-การทหาร

ความ คืบหน้า เมื่อเวลา 08.20 น. วันที่ 9 ส.ค. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ นายกฯ กล่าวถึงกรณีสมเด็จฮุนเซน ยื่นหนังสือร้องเรียนถึงสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ว่าไทยรุกล้ำพื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหารว่า จดหมายที่เขาส่งไปมีแต่คำว่า "ถ้า" ถ้าอย่างนั้น ถ้าอย่างนี้ และตอนนี้ยังไม่มีอะไร ส่วนการแก้ปัญหาที่ยังไม่มีข้อยุติ เราดำเนินการตามแนวทางที่มีอยู่ ส่วนจะอยู่ร่วมกันอย่างสันติได้หรือไม่นั้น อย่างไรก็ต้องทำให้อยู่ร่วมกันได้อยู่แล้วระหว่าง กัมพูชากับไทย

ต่อ มา เวลา 17.00 น. ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ นายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นเดียวกันและกรณีกัมพูชาออกมาบอกว่าไทย ละเมิดการตัดสินของศาลโลก ว่า เขายังใช้คำว่า "ถ้า" สิ่งที่เขาอ้างว่าหนังสือพิมพ์บอกว่าตนพูดนั้นเป็นจริงหรืออะไรต่างๆ ซึ่งมันไม่จริง และเราชี้แจงได้ ไม่มีปัญหา เมื่อถามว่าความพยายามที่กัมพูชาจะนำประเทศที่ 3 เข้ามาเกี่ยวข้องนั้นจะสำเร็จหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คงไม่สำเร็จ เพราะเรามีเอ็มโอยูดังกล่าวอยู่

-
จวก"เขมร"ฝ่ายสร้างปัญหา

เมื่อ ถามต่อว่ากัมพูชาอ้างว่า ถ้ายกเลิกเอ็มโอยูนี้เท่ากับไทยทำผิดกฎหมายระหว่างประเทศ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรายังคงไปไม่ถึงตรงนั้น เพราะขณะนี้ตนมองว่าเอ็มโอยูเป็นประโยชน์ในการแก้ปัญหาทั้งเรื่องที่เกี่ยว กับมรดกโลกและการเป็นฐานของการที่เราจะดำเนินการอะไรในกรณีมีเห็นว่าการ รุกล้ำเข้ามา อีกทั้งตนคิดว่าจะทำให้เป็นหลักประกันที่ทำให้ชาวโลกได้เห็นว่าเรายึดมั่น ตามเจตนารมณ์ของยูเอ็น เพราะตนคิดว่าค่อนข้างชัดเจนว่ากัมพูชาพยายามจะทำให้ภาพของเรา ในสายตาของชาวโลกเป็นฝ่ายรุนแรงหรือเข้าไปรุกราน ซึ่งตรงกันข้ามเพราะสิ่งที่ตนพูดทั้งหมด คือ การที่เราต้องตอบโต้ถ้ารุกล้ำเข้ามาในส่วนของเรา ส่วนการชี้แจงต่อกับต่างประเทศนั้นไม่ได้มีปัญหา เพราะจุดยืนเราชัด

ต่อ ข้อถามว่า ตรงนี้จะเป็นแรงกดดันในเรื่องที่นายกฯ เคยพูดเกี่ยวกับเรื่องการทูตและการทหารที่จะดูแลพื้นที่ตรงนั้นยากขึ้นหรือ ไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ เพราะตนคิดว่าเป็นตัวบ่งบอกว่าสภาพปัญหาต่างๆ ที่รัฐบาลประเมินอยู่และได้ อธิบายมานั้นกลายเป็นจริง เพราะฉะนั้น เราต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบ เมื่อถามว่าจากสิ่งที่เกิดขึ้น ดูเหมือนกัมพูชานำความขัดแย้งภายในประเทศมาเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อน เพื่อวัตถุประสงค์ของตัวเอง นายกฯ กล่าวว่า ตนจึงบอกว่าสำหรับเรา ถ้ามีอะไรภายในก็ให้พูดคุยกัน และดีที่สุดคือเราอย่าไปทำให้เกิดความรู้สึกว่าเรามีปัญหากันเอง ความรุนแรง หรืออะไร

-"
เทือก"ย้ำไม่มี 2 มาตรฐาน

ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง และผอ.ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ให้สัมภาษณ์ถึงการตั้งข้อสังเกตกรณีรัฐบาลไม่ดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรที่ มาชุมนุมคัดค้านกรณีปราสาทพระวิหารหน้าทำเนียบรัฐบาล เมื่อ 8 ส.ค. ทั้งที่มีประกาศห้ามจากศอฉ. ว่า ประกาศศอฉ.ยังคงอยู่ ในมติศอฉ.ชัดเจนว่าได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ดูแลรักษากฎหมายและข้อกำหนด อย่างเคร่งครัด การปฏิบัติหน้าที่เป็นดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ ถ้าละเว้นไม่ปฏิบัติหน้าที่ก็ถือว่ามีความผิด แต่เท่าที่ตน ตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามขั้นตอนทุกประ การ มีการเจรจาและอธิบายให้ผู้ชุมนุมทราบว่าทำอย่างไรถึงเข้าข่ายผิดกฎหมาย ซึ่งมีข้อห้ามไว้ 4 ประการ เช่น การปิดการจราจร รายละเอียดจะเป็นอย่างไรต้องให้เจ้าหน้าที่ชี้แจง

"
แม้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะครอบคลุมทั้งพื้นที่กทม. แต่การมาชุมนุมแล้วเข้าข่ายความผิด มันมีองค์ประกอบ 4 ประการ ซึ่งผมจะให้เจ้าหน้าที่ชี้แจงให้ทราบ" นายสุเทพ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องนี้ทำให้สังคมตั้งข้อสังเกตได้ เพราะคนเสื้อแดงแค่คนเดียวไปผูกผ้า ที่สี่แยกราชประสงค์กลับถูกจับ นายสุเทพกล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่เรายึดหลักในภาพกว้างและกรอบกฎหมายว่าต้องดำเนินการอย่างไร เมื่อถามว่าจนถึงขณะนี้มีรายงานจากเจ้าหน้าที่หรือไม่ว่าจะดำเนินคดีกับแกน นำพันธมิตรที่มาชุมนุมหน้าทำเนียบ นายสุเทพตอบว่า ทราบว่าได้เตรียมการจะดำเนินการกันอยู่ในกรณีผู้ชุมนุมไม่ยอมปฏิบัติตาม ประกาศศอฉ. ยืนยันว่าตนไม่มี 2 มาตรฐาน เพราะไม่มีเหตุจูงใจอะไรต้องทำอย่างนั้น เราเป็นรัฐบาล มีหน้าที่ดูแลรักษากฎหมายบ้านเมือง ขอให้มั่นใจได้ โดยเฉพาะตน ถูกทั้งเสื้อเหลืองเสื้อแดงด่าทุกวัน เมื่อถามว่าคนที่ทำหน้าที่รักษาการตามประกาศศอฉ. ถือว่าละเว้นหรือไม่ เพราะไม่ได้เป็นไปตามที่ได้ประกาศไว้ นายสุเทพกล่าวว่า ถ้าใครสงสัยสอบถามชี้แจงได้ และหากใครละเว้นต้องดำเนินการตามกฎหมาย

ที่ ททบ.5 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว. กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชาบริเวณปราสาทพระวิหารว่า ขณะนี้ไม่มีปัญหาและยังไม่มีการใช้กำลัง แต่หากนายกฯ สั่งการอะไร กองทัพพร้อมทุกอย่าง ส่วนที่ สมเด็จ ฮุนเซนแสดงท่าทีแข็งกร้าว ส่งจดหมายถึงประ ธานคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นว่าไทยละเมิด คำตัดสินศาลโลกนั้นคงไม่มีอะไร และเชื่อว่าจะไม่ทำให้ชายแดนตึงเครียด เมื่อถามถึงเรื่องศักดิ์ศรีของประเทศไทย พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เราเป็นประเทศใหญ่ ไม่ต้องห่วง ส่วนการทำความเข้าใจกับยูเอ็นเป็นหน้าที่ของกระทรวงต่างประเทศและรัฐบาล

-
รบ.ทำหนังสือแจงยูเอ็น

วัน เดียวกัน นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกฯ ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำ สำนักนายกฯ ให้สัมภาษณ์กรณีสมเด็จฮุนเซน ส่งหนังสือถึงยูเอ็น ว่า ขณะนี้กระทรวงการต่างประเทศกำลังประชุมกับผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายระหว่าง ประเทศและอีกหลายคณะ แต่จุดยืนของไทยไม่เปลี่ยนแปลงที่ต้องการร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านบนผล ประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งนายกฯ พูดชัดว่าเราจะคงประโยชน์เหล่านี้ไว้

"
ที่ จริงในจดหมายที่เขาส่งถึงยูเอ็นก็พูดอย่างนั้น โดยอ้างนายกฯ ว่าถ้าเห็นว่าเป็นประโยชน์ก็ยังร่วมมือกันได้ แต่ส่วนที่เป็นปัญหา เราต้องบริหารจัดการในพื้นที่ โดยเราจะชี้แจงว่ามีการรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่เราอย่างไร ตรงนี้จะเป็นโอกาสดีทำให้นานาชาติสนใจว่าขณะนี้ในพื้นที่มีปัญหาจริงๆ การดำเนินการต่อไปต้องพูดคุยกัน เพราะเรายึดหลักสันติวิธีชัดเจน การที่นายกฯ อัญเชิญพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมา ชัดเจนว่าเราจะแก้ปัญหาด้วยสันติวิธีและต้อง การเป็นเพื่อนที่ดีของประเทศเพื่อนบ้าน แต่ขณะเดียวกัน เราปกป้องผลประโยชน์ของเราด้วย" นายปณิธาน กล่าว

ต่อข้อถาม กัมพูชาอ้างว่าไทยละเมิดคำตัดสินของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ นายปณิธาน ตอบว่า ต้องชี้แจงเพิ่ม เพราะตั้งแต่มีมติของศาล โลก (ปี 2505) คิดว่านานาชาติรับทราบว่าไทยเคารพมติ แต่เราก็สงวนสิทธิ์ เราคิดว่ามตินั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องอื่นๆ ยกเว้นตัวปราสาท เมื่อถามว่ากัมพูชาจะดึงเอาชาติที่ 3 เข้ามาสู่ข้อพิพาทของ 2 ประเทศ นายปณิธาน กล่าวว่า หลายประเทศคงกังวลเหมือนเราว่าสถานการณ์ตามแนวชายแดนยังมีปัญหา ซึ่งเรายืนยันไปว่าเราเป็นประเทศรักสันติและยึดหลักเจรจา แต่เราจะชี้แจงว่าพื้นที่ที่เป็นของเรามีการรุกล้ำ ขัดกับการตกลงและเอ็มโอยูด้วย ปัญหาชายแดนตกลงกันด้วยกรอบที่เรามีอยู่ในระดับทวิภาคีของ 2 ประเทศ แต่เรารับความเป็นกังวลของนานาประเทศ โดย หลักแล้ว 2 ประเทศจะตกลงกันเอง และคิดว่านานาชาติจะเคารพตรงนี้ เข้าใจว่ายูเอ็นคงให้ความเห็นบ้าง แต่เป็นเรื่องปกติ

เมื่อถามว่าจะชี้แจงส่วนไหน นายปณิธาน กล่าวว่า เนื้อหาหนังสือชี้แจงที่เราเตรียมทำถึงยูเอ็นมี 3 ส่วน ส่วนแรกเรื่องข้อกฎหมายที่กัมพูชาตั้งข้อสังเกต ส่วนที่ 2 กรณีเราถูกบุกรุกพื้นที่ และส่วนที่ 3 การที่เรายืนยันว่าจะดำเนินการทุกอย่างตามหลักสันติวิธีและข้อกฎหมาย

-
ปชป.โต้พัลวัน-ไม่ได้เอาใจพธม.

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ให้สัมภาษณ์ว่า เชื่อว่าการเปิดเวทีพูดจากันนั้นสามารถสร้างความเข้าใจในประเด็นต่างๆให้ สังคมมากขึ้น บางประเด็นอาจเข้าใจต่างกันบ้าง ซึ่งแต่ละฝ่ายได้แสดงจุดยืนให้สังคมได้เห็นและรับทราบว่ามุมมองต่อประเด็น นั้นเป็นอย่าง ไร คนไทยต้องช่วยกันพิจารณาว่าประเด็นใดถูกต้องเหมาะสมที่สุด เพราะแต่ละเรื่องมีข้อเท็จจริงเดียว ดังนั้นพิสูจน์ได้ ยืนยันได้ เชื่อว่าอะไรที่เป็นปัญหาแล้วถ้ามีโอกาสพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นนำเสนอ ประเด็นปัญหาต่อสาธารณ ชนจะมีส่วนคลี่คลายปัญหาได้

ผู้สื่อข่าวถาม ว่ามีเสียงวิจารณ์ว่ารัฐบาลเอาใจพันธมิตรมากเกินไป นายองอาจกล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องเอาใจใคร เมื่อครั้งเสื้อแดงชุมนุมก็เจรจากัน และเปิดเวทีให้คนรับฟังกันทั้งประเทศ รัฐบาลไม่ได้เลือกปฏิบัติ รัฐบาลพร้อมคุยอยู่แล้ว ไม่ใช่ เรื่องเสื้อเหลืองเสื้อแดง แต่เป็นเรื่องกลุ่มบุคคลหลายกลุ่มที่เห็นไม่ตรงกัน

ที่พรรคประชาธิ ปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรค แถลงตอบโต้โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวหารัฐบาลนายอภิสิทธิ์สองมาตรฐาน ไม่ดำเนินการกับกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ หรือ กลุ่มพันธมิตรที่ชุมนุมหน้ากองทัพภาคที่ 1 ว่า ไม่จริง การเปิดโต๊ะเจรจากับตัวแทนกลุ่มคนไทยรักชาติที่ถ่ายทอดสดทางช่อง 11 เป็นมาตรฐานเดียวกับการเจรจากับ 3 แกนนำนปช. ส่วนการวิจารณ์ว่านายกฯ ขาดวุฒิภาวะผู้นำก็ไม่จริง การแก้ไขครั้งนี้ยิ่งสะท้อนภาวะผู้นำของนายกฯ กล้าเผชิญปัญหา ภาพการเจรจาเป็นที่ยอมรับของประชาชนทั้งประเทศ นายกฯ มีความบริสุทธิ์ใจ ไม่มีวาระซ่อนเร้นและผลประโยชน์ส่วนตัว

นายเทพไท ระบุว่า ที่กล่าวหาว่าการพูดคุยระหว่างนายกฯ กับตัวแทนพันธมิตรเป็นการแสดงตลกร้ายทางการเมืองนั้น อยากให้สังคมพิจารณาเองว่าใครกันแน่ที่เป็นตัวตลกทางการเมือง หรือเป็นตลกบริโภคเคลื่อนไหวกิจกรรมเพื่อหวังท่อน้ำเลี้ยงจากนายใหญ่ทั้ง สิ้น

-"
นพดล"มึน"แผนที่"นายกฯ

ที่พรรคเพื่อไทย นายนพดล ปัทมะ อดีตรมว. ต่างประเทศ และที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แถลงถึงการดีเบตระหว่างรัฐบาลและกลุ่มพันธมิตร ต่อปัญหาปราสาทพระวิหาร ว่า เท่าที่รับฟังต้องขอบคุณนายกฯ ที่ช่วยยืนยันว่าไทยยังไม่เสียดินแดนให้กัมพูชา เพราะเรายังประท้วงและอ้างสิทธิในดินแดน มีเพียงกลุ่มพันธมิตรฯ กับคนในพรรคประชาธิปัตย์บางคน เช่น น.พ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ที่พูดไม่อยู่กับร่องกับรอย พูดไปเรื่อย ก่อนหน้านี้บอกว่าตนไปลงนามในแถลงการณ์ ร่วม ทำให้คณะกรรมการมรดกโลกนำไปขึ้นทะเบียน แต่ล่าสุดบอกว่าที่เลื่อนไป เพราะแถลงการณ์ร่วมเป็นโมฆะเรื่องนี้ตนไม่อยากตอบโต้ ขอแค่ให้อยู่กับร่องกับรอย ดังนั้นนายกฯ ควรไปตักเตือนด้วย สำหรับเนื้อหาการดีเบตทำให้รู้สึกแปลกใจกับท่าทีของนายกฯ เพราะเดิมนายกฯ ยึดถือตามกรมแผนที่ทหาร กระทรวงต่างประเทศ กระทรวงกลาโหมยึดตามแผนที่ "แอล 7107" โดยให้ตัดตัวปราสาทพระวิหารออกไป เนื่องจากศาลโลกได้ตัดสินให้เป็นของประเทศกัมพูชาตั้งแต่ปี 2505 แต่ล่าสุดเปลี่ยนท่าที คล้ายเอาใจพันธมิตรฯ ว่าจะยึดแนวสันปันน้ำ ทั้งที่ในเอก สารแผนที่ แอล 7107 ระบุให้เป็นแผนที่แนบพระราชกฤษฎีกาตามที่นายอภิสิทธิ์ เป็นผู้อนุมัติ

"
หาก นายอภิสิทธิ์อ้างเส้นพรมแดนว่าเป็นสันปันน้ำ ก็อยากเรียกร้องให้ใช้อำนาจปกครอง ไปตั้งกรมตรวจคนเข้าเมืองที่เส้นสันปันน้ำ และนายอภิสิทธิ์ต้องแจ้งไปยังหน่วยราชการ หน่วยงานทางทหารทั้งหมดว่านับแต่นี้ไป ประเทศไทยจะไม่ใช้แผนที่แอล 7107 ภายใต้รัฐบาลอภิสิทธิ์ แต่จะใช้แนวสันปันน้ำแทน และนายอภิสิทธิ์ ต้องเจรจาเอาที่ดินรอบปราสาทที่ไปตัด ก่อนหน้านี้เอากลับคืนมาเป็นกรรมสิทธิ์ของไทย เพราะ ถ้ามีสถานะกฎหมายอย่างไร ต้องทำอย่างนั้น ไม่ใช่แค่พูดอย่างเดียว เมื่อนายอภิสิทธิ์คิดว่าใช้สันปันน้ำทั้งหมดก็ไปเจรจาเอาเขตแดนเราคืน" นายนพดล ระบุ

-
ยัน"แม้ว"ไม่เกี่ยวข้อง

ผู้สื่อข่าวถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ในฐานะที่ปรึกษาเศรษฐกิจรัฐบาลกัมพูชามีความเห็นเรื่องนี้อย่างไรบ้าง นายนพดลกล่าวว่า ท่านไม่มีความเห็น อย่าโยนทุกเรื่องไปให้ท่าน ขอให้ท่านอยู่อย่างสบาย อีกทั้งเป็นแค่ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ ไม่ได้เกี่ยวกับการเมือง

ต่อข้อถามว่าทางออกเรื่องนี้ควรเป็นไปในทิศ ทางใด นายนพดลกล่าวว่า ควรทำให้เป็นวาระแห่งชาติ โดยนายอภิสิทธิ์ต้องไปเจรจาเอาพื้นที่ดินด้านใต้และรอบปราสาทคืนมา เพราะนายกฯ บอกว่าจะยึดถือตามแนวสันปันน้ำ ไปเจรจาพื้นที่ 4.6 ตร.กม. ก่อนปักปันเขตแดนควรมาเจรจาร่วมกัน ต่อมานายกฯ สั่งหน่วยราชการทั้งหมดว่าไม่ใช้แผนที่ แอล 7017 แล้ว และประเด็นสุดท้ายควรมีคณะทำงานประชุมร่วมกันระหว่าง ครม. ไทยกับกัมพูชา เพื่อให้มีการตกลงกันในระดับสูง ไม่ใช่ยึดแต่คณะกรรมาธิการเขต แดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) หากนายกฯ ใช้พื้นที่ศรีสะเกษในการประชุมหารือ ตนก็ยินดีติดต่อพูดคุยกับชาวเสื้อแดงให้

-
พท.ซัด"รบ.-พธม."สมยอมกัน

ด้าน นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงหลังจบประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์และการเมืองของพรรคว่า เหตุ การณ์ที่ผ่านมาเกี่ยวกับกรณีเขาพระวิหาร พรรคพิจารณาแล้วเป็นการสมยอมร่วมประโยชน์ทางการเมืองระหว่างกลุ่มพันธมิตรฯ หรือพรรค การเมืองใหม่กับรัฐบาล โดยใช้ความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชาเป็นเงื่อนไข กลุ่มพันธ มิตรฯ หรือพรรคการเมืองใหม่ได้ประโยชน์ 3 เรื่อง คือ 1.ต่อรองคดีก่อการร้าย 2.หาเสียงเลือกตั้ง ส.ก. ส.ข. วันที่ 29 ส.ค. และ 3.สร้างโอกาสรวมพลคนเสื้อเหลืองหลังซบเซามานาน ส่วนประโยชน์ทางการเมืองที่รัฐบาลจะได้ คือ 1.กลบเกลื่อนการพัวพันสั่งการสลายชุมนุมคนเสื้อแดง 2.สร้างกระแสประชาธิปัตย์ให้ดำรงอยู่ไม่ถูกยุบพรรค และ 3.สร้างคะแนนนิยมในกลุ่มขวาจัด พรรคขอแนะนำให้หยุดยุยงให้คนไทยคลั่งชาติ แต่ใช้วิถีทางการทูตเจรจาแก้ไขปัญหา และรัฐบาล ควรเปลี่ยนตัวรมว.ต่างประเทศทันที

นายปลอดประสพ ระบุว่า พรรคขอตั้งคำถามว่าเหตุใดตำรวจจึงไม่จับกุมดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมพันธมิตร ทั้งที่ขัดพ.ร.ก.ฉุกเฉิน หากคนเสื้อแดงจัดการชุมนุมเช่นเดียวกับกลุ่มพันธมิตร คือ ใช้อาคารกีฬาชุมนุมหารือแสดงความเห็นกรณีเขาพระวิหารจะทำได้หรือไม่ รัฐบาลและศอฉ.กรุณาตอบด้วย คนเสื้อแดงฝากพรรคเพื่อไทยมาถาม หากจัดชุมนุมได้จะดำเนินการใน 2 สัปดาห์นี้ แต่จะเลือกสนามกีฬาใหญ่หน่อยเนื่องจากคนมาเยอะ แต่จะไม่เชิญนายกฯ เพราะท่านคงไม่ไปร่วม

-"
กษิต"ตอบกระทู้ส.ว.พันธมิตร

เวลา 16.45 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภา โดยนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เป็นประธาน พิจารณากระทู้ถามด่วนของนายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา ยื่นถามนายกฯ เรื่องการดำเนินการของรัฐบาลไทยกรณีกัมพูชามีข้อตกลงให้สัมปทานขุดเจาะ น้ำมันในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลในอ่าวไทยกับบริษัทน้ำมันของฝรั่งเศส ว่า รัฐบาลไทยดำเนินการอย่างไรในเรื่องนี้ เนื่องจากอยู่ระหว่างที่บริษัทโตตาลสำรวจและผลิตของฝรั่งเศส ประจำกัมพูชา สำรวจพื้นที่ทางทะเลเพื่อขุดเจาะน้ำมันในพื้นที่ทับซ้อนอยู่ รัฐบาลจะดำเนินการอย่างไรเกี่ยวกับข้อตกลงร่วมระหว่างไทยกัมพูชา พ.ศ.2544 ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ลงนามร่วมกับสมเด็จฮุนเซน ซึ่งตนเห็นว่ายกเลิกเอ็มโอยู ปี 2544 ยังไม่พอ ต้องยกเลิกบันทึกความเข้าใจว่าด้วยพื้นที่ที่ทั้ง 2 ประเทศอ้างสิทธิในเขตหลายทวีปทับซ้อนกันของไทย-กัมพูชา เมื่อ 18 มิ.ย. 2544 เพราะถือเป็นคู่แฝดกัน ซึ่งหนังสือสัญญาทั้ง 2 ฉบับน่าจะทำให้ไทยเสียเปรียบหลายอย่างเพราะกัมพูชาลากเส้นแบ่งเขตโดยเริ่ม จากจ.ตราดผ่ากลาง หรืออ้อมเกาะกูด ซึ่งเป็นการรุกล้ำเขตอธิปไตย 12 ไมล์ทะเลของไทย รวมถึงกระแสข่าวออกมาว่ามีการแบ่งผลประโยชน์ให้กัมพูชาได้ 90 เปอร์เซ็นต์ ไทยได้แค่ 10 เปอร์เซ็นต์ มีข้อเท็จจริงอย่างไร

นายก ษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ตัวแทนนายกฯ ชี้แจงว่า กระทรวงการต่างประเทศได้รับหนังสือจากสถานทูตกัมพูชาในไทยยืนยันว่า ถึงแม้กัมพูชาจะให้สัมปทานบริษัทโตตาล แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ ซึ่งโตตาลยังยืนยันในสิทธิของทั้ง 2 ประเทศ โดยภายใต้เงื่อนไขสัญญาสัมปทานจะยังไม่มีการแสวงหาผลประ โยชน์หรือสำรวจพื้นที่พิพาท ดังนั้นการให้สัมป ทานดังกล่าวทางฝ่ายไทยไม่ได้เสียประโยชน์ และปัจจุบันยังไม่มีบริษัทน้ำมันใดเข้าไปสำรวจพื้นที่ดังกล่าวแม้แต่แห่ง เดียว

นายกษิตกล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องการแบ่งผลประโยชน์ 90/10 ตั้งแต่จัดทำเอ็มโอยูมา มีการเจรจาเรื่องเขตไหล่ทวีปทับซ้อน 2 ครั้ง และยังอยู่ขั้นตอนการแสดงท่าทีของทั้ง 2 ฝ่าย ยืนยันว่าไม่มีเรื่องการแบ่งผลประโยชน์ในบันทึกคณะกรรมาธิการระดับเจบีซี อย่างไรก็ตามขอขอบ คุณส.ว. ที่เสนอให้ยกเลิกหนังสือสัญญาทั้ง 2 ฉบับ ซึ่งเป็นเจตนารมณ์ของตนมาตั้งแต่ต้นก่อนที่จะเข้ารับตำแหน่งอยู่แล้ว

-"
ฮุนเซน"ขู่อาจนองเลือด

ช่วง เย็นวันเดียวกัน สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงพนมเปญ ว่า สมเด็จฮุนเซน นายกฯ กัมพูชา กล่าวระหว่างร่วมพิธีการพร้อมกับคณะทูตานุทูตต่างประเทศ ว่า สถานการณ์ข้อพิพาทเรื่องชายแดนระหว่างกัมพูชากับไทยขณะนี้ร้อนแรงมากและอาจ ก่อให้เกิดผลลัพธ์ คือ การนองเลือด ฉะนั้นกัมพูชาอยากร้องขอให้ที่ประชุมระดับ นานาชาติช่วยยื่นมือเข้ามาแทรกแซงเพื่อหาทางยุติปัญหานี้ ทั้งสหประชาชาชาติ สมาคมประชา ชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) รวมถึงประเทศอื่นๆ เพราะการหารือแก้ปัญหาความขัดแย้งระดับทวิภา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน