แดงเชียงใหม่

กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน Blog นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชน รุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา " แดงเจียงใหม่ " ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และ ในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม

เรา " แดงเจียงใหม่ " ขอเชิญชวนร่วมกันสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกัน


"อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล
แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล
ไม่อาจต้านมวลมหาประชาชน"

.

วันอาทิตย์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2553

“ยุทธศาสตร์ความตึงเครียด” และข่าวลือเรื่องการลอบวางระเบิด โดย โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม

โดย โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม
ที่มา เวบไซต์ robertamsterdam
7 สิงหาคม 2553

เหตุการณ์ ลอบวางระเบิดยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในกรุงเทพมหานคร และรองนายกรัฐมนตรีที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งอย่างนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้ประกาศเตือนว่า อาจจะมีเหตุการณ์ระเบิดเกิดขึ้นอีก คำถามคือ ใครเป็นคนได้รับผลประโยชน์จากข่าวลือนี้

จากเหตุการณ์ลอบวางระเบิด อันน่าสะพรึงกลัวกลางกรุงเทพมหานครในวันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1ราย พรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านกล่าวว่า ข่าวลือเกี่ยวเรื่องการลอบวางระเบิดนั้นเป็นข้ออ้างที่รัฐบาลใช้ต่อ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์รายงานว่า พรรคเพื่อไทยเชื่อว่าการวางระเบิดนั้น เป็นการกระทำของผู้เชี่ยวชาญทางวัตถุระเบิด และเป็นคนมีสีที่มีความใกล้ชิดกับรัฐบาลแม้กระทั่งวันนี้ ก่อนที่เราจะเผยแพร่บทความนี้ได้ไม่นาน ส.ส.พรรคเพื่อไทยอย่างนายจตุพร พรหมพันธุ์ได้กล่าวว่า รัฐบาลสร้างสถานการณ์เพื่อที่จะยืดการใช้ พ.ร.ก ในกรุงเทพมหานครและจังหวัดอื่นๆออกไป

การที่สมาชิกพรรคฝ่ายค้าน (ซึ่งเป็นพรรคเดียวที่มีที่นั่งมากที่สุดในสภา) และหนึ่งในแกนนำเสื้อแดงได้ประกาศสิ่งที่น่าตกใจนี้ ได้เผยให้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในเบื้องลึกของสังคมไทย หากเราพิจารณาข้อกล่าวหาของพรรคเพื่อไทยที่มีต่อรัฐบาลแล้ว เราจะพบว่า เหล่าอำมาตย์ของไทยไม่ใช่พวกแรกที่ใช้วิธีการรุนแรงและสกปรก เพื่อที่จะรักษาอำนาจเอาไว้

เมื่อย้อนกลับไปในช่วงปลายยุค 60 และ 70 บางส่วนของยุโรปยังคงถูกปกครองโดยพวกฝ่ายขวาหัวรุนแรง ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ต่อต้านการเมืองแบบก้าวหน้าและแนวคิดเรื่องความเป็นธรรม ในสังคม และยังได้คิดค้นแผนการที่ชื่อว่า ยุทธศาสตร์ความตึงเครียด

ยุทธศาสตร์ความตึงเครียดมีลักษณะดังต่อไปนี้

มี การพยายามสร้างความรู้สึกร่วม โดยสร้างสถานการณ์และสร้างความรู้สึกไม่แน่นอน ซึ่งทำให้ประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการมีรัฐบาลทหารที่เข้มแข็ง เพื่อที่จะแก้ไขกับสถานการณ์” (อ้างอิง Stuart Christie’s Portrait of a Black Terrorist, 1984).

ในช่วงเวลานั้น ฝ่ายผู้นำฝ่ายขวามีส่วนเกี่ยวข้องกับการสร้างยุทธศาสตร์นี้ขึ้นมา โดยความร่วมมือของพวกต่อต้านระบอบคอมมิวนิสต์ที่จนตรอก และกลุ่มเผด็จการฟาสซิสต์ในยุโรป เช่นผู้นำในสเปนอย่างนายพลฟรังโก และตามรายงานที่เผยแพร่โดยพรรคการเมืองในอิตาลีในปี 2543 องค์กร CIA และองค์กรสายลับของอิตาลี ยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสร้างยุทธศาสตร์นี้ด้วย

คำ ถามคือ กลุ่มฟาสซิสต์ขนาดเล็ก และกลุ่มคนที่ต่อต้านประชาธิปไตยกลุ่มนี้สร้างความรู้สึกร่วมได้อย่างไร คำตอบคือง่ายมาก กลุ่มคนเหล่านี้ สร้างสถานการณ์ความวุ่นวายโดยการลอบวางระเบิด ลอบสังหารและลักพาตัวประชาชน และนี้คือ ยุทธศาสตร์เดียวของคนกลุ่มนี้ คนกลุ่มดังกล่าวต้องการที่จะกล่าวหาฝ่ายหัวก้าวหน้าซึ่งเป็นฝ่ายตรงข้ามกับ กลุ่มคนเหล่านี้ว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสร้างสถานการณ์ และกลุ่มคนเหล่านี้ต้องการให้ประชาชนประณามการกระทำของฝ่ายซ้ายหัวก้าวหน้า และยอบรับการที่รัฐบาลจะละทิ้งระบอบประชาธิปไตย และส่งเสริมระบอบเผด็จการ

ยุทธศาสตร์ ความตึงเครียดนี้ เกิดขึ้นครั้งแรกในปี 2506 ที่มิลาน มีการลอบวางระเบิดที่ Piazza Fontana ทำให้มีผู้เสียชีวิต 16ราย ต่อมาสมาชิกพรรคเผด็จการฟาสซิสต์อย่างนาย Vincenzo Vinciguerra ได้ยอมรับระหว่างการสัมภาษณ์กับสื่อในอิตาลีในปี 1998 ว่าเหตุการณ์การลอบวางระเบิดครั้งนั้น เป็นความพยายามที่จะทำให้ฝ่ายการเมืองและทหารเห็นชอบกับการประกาศใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน

เหตุการณ์ลอบวางระเบิดเหตุการณ์อื่นได้แก่ การลอบวางระเบิดบนรถไฟสายระหว่างประเทศ (ผู้เสียชีวิต12 ราย) การลอบวางระเบิดอันน่าสะพึงกลัวในเมือง Brescia (ผู้เสียชีวิต 8 ราย) และการลอบทำร้ายใน Bologna ในปี 1980 ทำให้มีผู้เสียชีวิตชาวอิตาลี 85 ราย ซึ่งเป็นการก่อการร้ายครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในยุโรปหลังสงครามโลก

ประชาชน ชาวไทยคงจะสามารถมองเห็นความคล้ายคลึงของเหตุการณ์ที่เขย่าขวัญในอิตาลี ในช่วงปลายยุค 60, 70 และ 80 กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในไทยได้อย่างง่ายดาย เราไม่เคยกล่าวอ้างว่า กลุ่มคนเสื้อแดงไม่ใช้ความรุนแรงโดยสิ้นเชิง เพราะมีข่าวลือเรื่องกองกำลังเงา สายลับและความเคลื่อนไหวอื่น ที่มีการปฏิบัติการเบื้องหลังบนท้องถนนในกรุงเทพมหานคร แต่สิ่งที่ชัดเจนคือ เหตุการณ์ลอบวางระเบิดในแต่ละครั้ง กลายเป็นข้ออ้างที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ใช้ยืดการใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉินออกไป เพิ่มอำนาจให้กองทัพและศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ในการจัดการกับกิจกรรมทางการเมืองตามระบอบประชาธิปไตยได้อย่างหนักหน่วงมาก ขึ้น

ยุทธศาสตร์ความตึงเครียดอันหายนะ ที่ดำเนินการโดยกลุ่มหัวรุนแรงฝ่ายขวานั้นล้มเหลว เพราะมีระบบกฎหมายที่บังคับให้คนกลุ่มนี้ ต้องแสดงความรับผิดชอบ และแม้จะมีการลอบวางระเบิดร้ายแรงหลายครั้ง รวมถึงการลอบทำร้ายประชาชนซึ่งร้ายแรงกว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศไทย ในขณะนี้หลายเท่า แต่รัฐบาลอิตาลีไม่เคยประกาศใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน หรือใช้ระบอบเผด็จการเบ็ดเสร็จอย่างกรีซ สเปนและโปรตุเกสเลย

สิ่ง สำคัญที่ทำให้ยุทธศาสตร์ความตึงเครียดนี้ล้มเหลวคือ การที่สือมีเสรีภาพที่จะตรวจสอบหลักฐานสำคัญ และตั้งคำถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ลอบวางระเบิด กลุ่มผู้นำที่สำคัญในอิตาลี รวมถึงกลุ่มอำนาจในพรรคการเมืองศูนย์กลางฝ่ายขวาคริสเตียนนั้น ต่อต้านระบอบประชาธิปไตย และนิยมระบอบเผด็จการฝ่านขวาหัวรุนแรงอย่างมาก แต่สุดท้ายแล้วสิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้ยุทธศาสตร์ความตึงเครียดล้มเหลว ก็คือประชาชนชาวอิตาสีไม่สามารถถูกชี้นำได้ พูดง่ายๆ คือ คนอิตาลีชอบระบอบประชาธิปไตยมากกว่า

หากเปรียบเทียบกับการตอบโต้ของ รัฐบาลอิตาลีต่อเหตุการณ์อันโหดร้ายที่เกิดขึ้นใน Milan, Brescia และ Bologna ทำให้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์และเหล่าอำมาตย์ ดูเหมือนจะขาดความอดทนที่จะใช้กฎหมายที่กดขี่และคุกคามอย่างรุนแรงอย่าง พ.ร.ก. ฉุกเฉิน บางคนอาจจะแย้งว่า การเพิ่ม ความตึงเครียดนี้เหมือนเป็นแค่การทำให้เกิดความกลัวและสร้างความแตกแยก ในหนังสือของศาสตราจารย์โยชิฟูมิ ทามาดา ที่มีชื่อว่า Myths and Realities: The Democratization of Thai Politics. ได้กล่าวว่า เหล่าอำมาตย์ในประเทศไทย ได้เคยสร้าง ความตึงเครียดนี้ด้วยการตั้งกลุ่มคนขึ้นมาสร้างสถานการณ์ในช่วงพฤษภาทมิฬในปี 2535 ด้วย

การ กดขี่ทางการเมืองอย่างต่อเนื่องของรัฐบาลอภิสิทธิ์ เปิดเผยให้เห็นธาตุแท้ของเหล่าอำมาตย์ที่เหล่าต่อต้านระบอบประชาธิปไตย เราเพียงแต่หวังว่า ก่อนประชาธิปไตยจะเบ่งบานในประเทศไทย ประชาชนไทยคงไม่ต้องเผชิญกับเหตุการณ์ยุทธศาสตร์ความตึงเครียดอันเลวร้ายที่ สร้างขึ้น เพื่อรับใช้ผลประโยชน์ของเหล่าอำมาตย์หัวรุนแรงเหล่านี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน